นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับเลือกให้เป็นประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองว่า กรณีพรรคพลังประชารัฐเสนอนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคฯ เป็นประธาน กมธ.แต่มีการเสนอชื่อนายสาธิตเข้ามาแข่ง คงไม่ถึงขั้นที่จะทำให้ฝ่ายรัฐบาลขัดกันเอง แต่ก็ไม่ปฏิเสธ 100% ที่จริงน่าจะมีการพูดกันก่อน เพราะว่าผิดปกติตั้งแต่ต้นแล้วว่า เดิมทีนายวิเชียร ชวลิต ซึ่งเป็นเจ้าของร่างและเป็นคนเสนอในสภาฯ และสรุปในสภาฯ เมื่อถึงเวลากลับไม่มีชื่อนายวิเชียร เข้ามาเป็น กมธ.แสดงว่ายังไม่ได้พูดคุยอะไรกันให้เข้าใจชัดเจน ส่วนจะมองว่าการทำงานของรัฐบาลไม่มีเอกภาพก็แล้วแต่จะคิด ในฐานะที่เป็นรองนายกฯ รัฐบาลนี้ได้ประเมินการทำงานไว้ แต่ไม่ขอแสดงความเห็นต่อสาธารณชน
ทั้งนี้ การที่มีรัฐมนตรีเข้าไปอยู่ในรายชื่อผู้เสนอเป็น กมธ.ก็จะให้เกียรติเลือกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธานฯ ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นสัดส่วนของรัฐบาล 8 คน แต่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับไม่ใช่ของรัฐบาลโดยแท้ แต่เป็นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอแทนตามมาตรา 131 เนื่องจาก กกต.เสนอเองไม่ได้ จึงเป็นการเสนอในนามรัฐบาลตามข้อเสนอแนะของ กกต. เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องของ กกต.ไม่ใช่เป็นเรื่องของรัฐบาล
นายวิษณุ ยืนยันว่าการกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว สามารถทำได้ แต่ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญ แต่จะแก้ได้หรือไม่ก็อีกเรื่อง และคงไม่จำเป็นต้องตอบสังคม เพราะมองว่ามีเรื่องอื่นที่จะต้องทำอีกมาก ถ้าจะแก้ไขก็แก้เรื่องอื่น
นายวิษณุ กล่าวว่า กฎหมายลูกนี้มี 2 ฉบับ ต้องทำงานแข่งกับเวลา จึงไม่เหมือนกฎหมายธรรมดา การทำงานสภาฯ ของฝ่ายรัฐบาลนั้นต้องมีการปรับปรุง พร้อมปฏิเสธไม่ได้เรียกนายนิโรธ สุนทรเลขา ประธานวิปรัฐบาล มาพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าวและไม่ได้ให้คำแนะนำใดๆ
ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาวิจารณ์ว่าเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงเสถียรภาพของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า คนที่ห่วงใยถึงเสถียรภาพรัฐบาลก็คงมีอยู่แล้ว แต่ส่วนตัวไม่ได้หยิบยกเรื่องนี้ไปพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี เพราะตนไม่เกี่ยวกับการทำงานในส่วนของสภาฯ แต่ในฐานะเป็นรัฐบาลก็ยอมรับว่าห่วงใย
นายวิษณุ กล่าวถึงทางออกกรณีเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองว่า ที่ผ่านมาเป็นเพียงปรารภและพูดคุยกันธรรมดากับนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ไม่ใช่การปรึกษา และไม่มีข้อกังวลเรื่องอุบัติเหตุทางการเมือง
ส่วนไทม์ไลน์ของรัฐบาลขณะนี้ไม่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุทางการเมือง เพราะไทม์ไลน์คือตารางเวลาที่กำหนดไว้ คำว่าอุบัติเหตุ คือเหตุที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิด ถ้าเกิดโดยคาดคิดแสดงว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ เป็นเรื่องจงใจจะให้มันเกิด ซึ่งทุกอย่างปกติจะมีทางออกและแผนรองรับไว้เสมอ ส่วนการยุบสภาจะเป็นอุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่นั้นไม่ทราบ สื่อมวลชนพูดกันไปเองทั้งนั้น
นายวิษณุ ปฏิเสธตอบคำถามว่า รัฐบาลจะอยู่ครบเทอมจนถึงปี 66 หรือไม่ เรื่องนี้ให้ไปสอบถาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเองจะดีกว่า