พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมยุบสภาหลังประชุมเอเปกว่า เป็นเรื่องที่พล.อ.ประวิตร พูดในมุมส่วนตัว และได้แจ้งให้ทราบแล้ว แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจ โดยสถานการณ์จะเป็นตัวกำหนดทั้งหมด ส่วนรัฐบาลจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ก็อยู่ที่ตนจะตัดสินใจ คงไม่จำเป็นต้องบอกก่อน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยากให้ทุกคนจัดลำดับความสำคัญของปัญหา โดยเฉพาะปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งควรให้ความสำคัญกว่าเรื่องอื่นๆ และในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาในช่วงที่ไทยเข้าสู่ภาวะไม่ปกติ คนไทยจะรวมกันต่อสู้เพื่อเอาชนะ จนสามารถอยู่รอดปลอดภัยจนถึงทุกวันนี้ ปัญหาใดที่สามารถลดลงไปได้ก็ควรช่วยกัน
ส่วนความเป็นไปได้ที่หากผ่านประชุมเอเปกแล้ว รัฐบาลอาจจะอยู่ครบเทอมเลยหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่รู้ เพราะยังไปไม่ถึงตรงนั้น ตอนนี้กำลังดูเรื่องของการประชุมระดับนานาชาติหลายเวทีต่อเนื่องไปก่อนจะมีการประชุมเอเปก ก็ต้องดูอีกครั้งว่าจะประชุมกันได้หรือไม่ และจะประชุมกันอย่างไร เพราะต้องติดตามสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนด้วย
สำหรับการนัดรับประทานข้าวกับพรรคร่วมรัฐบาลนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นการพูดคุยพบปะกัน และเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งมีโอกาสเจอกันหลายครั้งในที่ประชุมสภา แต่วันนี้ถือว่ามาร่วมแรงร่วมใจทำเพื่อประเทศชาติ ไม่มีประเด็นใดเป็นพิเศษ
ส่วนประเด็นที่พรรคเล็กมีความน้อยใจที่ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีไม่ได้เชิญรับประทานอาหารร่วมกันในรอบแรกนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "คนเรามันต้องควรใจใหญ่ ทำตัวให้หัวใจใหญ่สักหน่อย ไม่ใช่หัวใจเล็ก หัวใจที่เราต้องรู้จักให้เกียรติ ให้อภัยซึ่งกันและกัน กับคนที่ควรให้อภัย"
ส่วนการเมืองหลังจากนี้ จะเป็นปัญหาต่อการทำงานของรัฐบาลหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้ไปถามฝ่ายการเมืองเอง เพราะตนอยู่ฝ่ายบริหาร ส่วนเสียงในสภาจะส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับสภา คงไม่สามารถบังคับใครได้อยู่แล้ว ถ้าคิดว่าทำแล้วประเทศชาติดีขึ้น ก็แล้วแต่ทุกคน ส่วนการทำงานใน ครม.ก็ยังสั่งงานโดยตรง และยืนยันว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องปรับ ครม.ในขณะนี้
กรณีที่พล.อ.ประวิตร สอบถามพรรคเล็กว่ามีแผนจะล้มนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ใครจะล้มก็ล้มไป
"ก็ให้ล้มไป ใครจะล้มก็ล้มไปเถอะ ผมไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ทุกคนมีวุฒิภาวะเพียงพอ และให้เกียรติทุกคน แล้วเกิดประโยชน์กับใครหรือไม่ วันนี้ผมทำงานมาเท่าไร อะไรสำเร็จมาบ้าง ไปเทียบดู 8-10 ปีที่ผ่านมา ไปเทียบผลงานดู แล้วให้ประชาชนแยกแยะเอาเอง" นายกรัฐมนตรี ระบุ