นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และ ส.ก. ในครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้มีการเตรียมการมาอย่างต่อเนื่อง โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค รวมทั้งกรรมการบริหารพรรคได้เห็นพ้องกันว่าผู้ที่มีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม และ ส.ก. คือ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการทำหน้าที่ ประกอบด้วย
ประการที่ 1 เป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีหน้าที่ที่จะมีส่วนร่วมในการบริหารพรรค และเครือข่ายของพรรคอีกจำนวนมาก และมีหน้าที่เฉพาะที่รับผิดชอบ คือ การเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย ซึ่งมีความสอดคล้องกับปัจจุบันที่ต้องการจะขับเคลื่อนการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และการทำงานในฐานะที่เป็นผู้ว่าฯ กทม และ ส.ก. ซึ่งจะมีเรื่องเศรษฐกิจทันสมัยเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
ประการที่ 2 ถือว่าเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ มีอุดมการณ์ทันสมัยตรงกับแนวทางอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ มีความพร้อมที่จะทำงานในการขับเคลื่อนภาระหน้าที่อันสำคัญในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในครั้งนี้
ประการที่ 3 เป็นผู้มีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการการเลือกตั้ง ด้วยกลยุทธ์ที่ทันสมัยสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยในปัจจุบัน และถือเป็นหัวใจสำคัญ เพราะการเลือกตั้งวันนี้ไม่เหมือนในอดีตที่ผ่านมาเมื่อ 10 ปีก่อน และตลอด 10 ปีที่ผ่านมาก็มีความเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร และการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง
"3 ประการนี้ เป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่พรรคประชาธิปัตย์ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า คุณปริญญ์ พานิชภักดิ์ มีความเหมาะสมที่จะมาทำหน้าที่ขับเคลื่อนการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งให้ไปสู่ชัยชนะ และนำไปสู่ความสำเร็จได้ โดยจะได้มาเป็นผู้อำนวยการศูนย์การเลือกตั้งผู้ว่า กทม. และ สก. ของพรรคประชาธิปัตย์" นายองอาจกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีทีมงานที่จะช่วยกันทำงานขับเคลื่อนไป พร้อมๆ กับอาสาสมัครและบุคลากรอีกจำนวนมาก ซึ่งจะมาช่วยกันขับเคลื่อนการทำงานให้ประสบความสำเร็จ จึงมีการตั้งรองผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม และ ส.ก. ขึ้น จำนวน 9 คน ประกอบด้วย
- ม.ล.อภิมงคล โสณกุล รองผู้อำนวยการศูนย์ ฝ่ายยุทธศาสตร์เลือกตั้ง ซึ่ง ม.ล.อภิมงคล เป็นอดีต ส.ส. กทม. ของพรรคมาหลายสมัย และยังช่วยทำงานในพรรคอย่างต่อเนื่องตลอดมา ถือว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถในการร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์การเลือกตั้งในครั้งนี้
- นายธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์ รองผู้อำนวยการศูนย์ ฝ่ายนโยบายและแผน และเป็นผู้รับผิดชอบร่วมกับทีมงานเพื่อดูแลนโยบายของ กทม. มาโดยตลอด
- นายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน รองผู้อำนวยการศูนย์ ฝ่ายปฏิบัติการณ์เลือกตั้ง ซึ่งเป็นอดีต ส.ส. กทม. มีความเชี่ยวชาญและความรู้ความสามารถในการจัดการเลือกตั้ง กทม.
- พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รองผู้อำนวยการศูนย์ ฝ่ายมวลชนสัมพันธ์หรือประสานงานมวลชน ถือว่าเป็นนายตำรวจที่ได้รับการยอมรับจากพี่น้องประชาชน และเป็นกำลังสำคัญของพรรคในการขับเคลื่อนงานใน กทม. อย่างต่อเนื่องตลอดมา
- นายเกียรติฟ้า เลาหะพรสวรรค์ รองผู้อำนวยการศูนย์ ฝ่ายกฎหมาย ซึ่งเป็นอดีต ส.ก. ของพรรคประชาธิปัตย์หลายสมัย ปัจจุบันเป็นนักกฎหมาย และกำลังจะจบปริญญาเอกด้านกฎหมาย จึงมาช่วยดูแลงานด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้งในครั้งนี้
- น.ส.เจนจิรา รัตนเพียร รองผู้อำนวยการศูนย์ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นผู้มีความรู้ความสามารถในเรื่อง IT ที่จะมาช่วยร่วมขับเคลื่อนงานสำคัญไปด้วยกัน
- นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองผู้อำนวยการศูนย์ ฝ่ายการสื่อสาร ซึ่งเป็นรองโฆษกพรรค ได้ช่วยทำงานด้านการสื่อสารของพรรคมาอย่างต่อเนื่อง จึงจะได้มาช่วยกันเติมเต็มการทำงานให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสารซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการณรงค์หาเสียงเลือกตั้งผู้ว่า กทม. และ สก.
- นายอภิมุข ฉันทวานิช รองผู้อำนวยการศูนย์ ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ เป็นอดีต ส.ก. หลายสมัย เป็นคนหนุ่มที่มีความรู้ความสามารถหลายด้าน ซึ่งในการรณรงค์หาเสียงนั้นจะมีเรื่องกิจกรรมควบคู่กันไปด้วย นอกจากนี้ในอนาคตจะลงสมัคร ส.ส.ด้วย
- นายธนวัฒน์ ปัญญาสกุลวงศ์ รองผู้อำนวยการศูนย์ ฝ่ายอำนวยการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นงานที่เป็นหัวใจสำคัญ เนื่องจากจะต้องทำหน้าที่ประสานงานทั้งเครือข่ายภายในพรรค และภายนอกพรรคจำนวนมาก
นายองอาจ กล่าวว่า หลังจากนี้ภาระหน้าที่ในการหาเสียงเลือกตั้งทั้งหมด ตนไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องได้ ตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งท้องถิ่น มาตรา 34 ดังนั้นภาระงานในการดำเนินการทั้งหมด จึงได้มอบหมายให้บุคลากรของพรรคได้ดำเนินการขับเคลื่อนต่อไปให้
พร้อมระบุว่าในฐานะที่เป็นรองหัวหน้าพรรค รับผิดชอบดูแลพื้นที่กรุงเทพฯ ถือว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่สำคัญของบ้านเมือง ไม่ใช่เพียงการเลือกตั้งที่เราจะได้ผู้ว่าฯ กทม คนใหม่เท่านั้น แต่การเลือกตั้งครั้งนี้จะต้องเป็นการเลือกตั้งที่ต้องได้ผู้นำที่มาเปลี่ยนแปลงกรุงเทพมหานคร และจะเป็นรากฐานอันสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยต่อไปในอนาคต เพราะฉะนั้นการตัดสินใจว่าจะมอบตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หน้าที่พ่อเมืองของเมืองหลวงเช่นกรุงเทพมหานครนั้น จึงเป็นการตัดสินใจที่สำคัญของชาวกรุงเทพฯ ทุกคน
"พรรคประชาธิปัตย์เราพยายามนำเสนอบุคลากรที่มีความเหมาะสมที่สุด บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ บุคลากรที่พร้อมจะทำงานได้ทันที และสามารถทำได้จริงตามที่ประกาศไว้เป็นนโยบาย ซึ่งเราได้เตรียมการในเรื่องนโยบายมาเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน สามารถตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่ยังมีอยู่มากมายในกรุงเทพฯและสามารถที่จะช่วยกันพัฒนากรุงเทพฯ ให้ดียิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นจึงขอความกรุณาจากพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญ พรรคประชาธิปัตย์จึงทุ่มเทอย่างเต็มที่ ในการสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดมามอบให้กับท่าน จึงขอความกรุณาท่านได้ช่วยพิจารณาผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง ส.ก. 50 คน 50 เขต และผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. ศ.ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์" นายองอาจ กล่าว
ด้านนายปริญญ์ ได้กล่าวขอบคุณที่พรรคได้มอบภารกิจที่สำคัญ พร้อมกับแสดงความตั้งใจมุ่งมั่นทำงาน หลังจากได้ร่วมลงพื้นที่กรุงเทพฯ มาอย่างต่อเนื่อง และพรรคประชาธิปัตย์ก็มีกระบวนการคัดสรรสมัครผู้ว่าฯ กทม.ที่มีความเพียบพร้อม และมีใจที่ทำงานประสานได้ทุกวัย มีมุมมองเห็นอนาคต พร้อมจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นได้
"อยากให้เปิดใจลองดูทั้งนโยบายที่ เอ้ สุชัชวีร์ และพรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอนโยบาย เปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นได้ และคนที่ทำได้ดีที่สุด ก็คือ เอ้ สุชัชวีร์ ที่มีทั้งผลงาน และวิสัยทัศน์ จะเป็นผู้ลงมือทำให้ได้จริง และเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ การที่ ส.ก. ได้ลงพื้นที่ร่วมกัน ก็จะเป็นหัวหอกในการขับเคลื่อนการเลือกตั้งให้สำเร็จเป็นไปได้ด้วยดีต่อไป" นายปริญญ์ กล่าว