พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดงาน Bangkok Bling เปิดตัวทีมสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ทั้ง 50 เขต พร้อมเปิดตัวนโยบาย "Bangkok Bling กรุงเทพฯ มั่งคั่ง" โดยมีแนวคิดในการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และการันตีความมั่งคั่งของประชาชนกรุงเทพฯ
ทั้งนี้ ภายในงานประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ผู้อำนวยการเลือกตั้งส.ก. และนายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง นอกจากนี้ ยังมีบุคคลสำคัญในแต่ละเขตรวมจำนวน 100 คน คณะกรรมการบริหารพรรค และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ผู้สมัครส.ก. ทั้ง 50 เขตนั้น เป็นผู้ที่ผ่านการคัดเลือก คัดสรร และได้ผ่านการทำหน้าที่ทุกคน โดยแบ่งเป็นกลุ่มผู้สมัครที่เป็นอดีต ส.ก. 8 คน และอดีตสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) อีก 7 คน ซึ่งทั้งหมดล้วนมีประสบการณ์ในการทำงานสภา นอกจากนี้ยังมีผู้สมัครที่มีประสบการณ์ รวมถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยมีอายุเฉลี่ยที่ 40 ปี ซึ่งถือเป็นช่วงอายุที่เหมาะแก่การทำงาน
นายวิพุธ ศรีวะอุไร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางรัก กล่าวถึงปัญหาในการเดินทางในกทม.ว่า มีทั้งปัญหารถติด และมีระบบขนส่งราคาแพง ซึ่งกทม. สามารถปรับวิธีคิดในการมองระบบขนส่งสาธารณะให้มีความเท่าเทียมกันได้
เพื่อไทย จึงมีแนวคิด "30 บาท ถึงที่หมาย" การเดินทางทั้งหมดต้องมีค่าใช้จ่ายไม่เกิน 30 บาท โดยกทม. ต้องขายสัมปทานให้กระทรวงคมนาคม เนื่องจากเมื่อมีการเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายเดียวกัน ก็จะไม่มีค่าบริการที่ซ้ำซ้อน สามารถลดค่ารถไฟฟ้า เพิ่มปริมาณผู้โดยสารถึง 1 เท่าตัว
น.ส.ทัดดาว ตั้งตรงเจริญ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เขตราชเทวี และน.ส.ทิพจุฑา บุนนาค ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. บางพลัด กล่าวว่า ปัจจุบันมีการแพร่รระบาดของโควิด-19 ประสบปัญหาขาดแคลนเตียง และการเข้าไม่ถึงการรักษษพยาบาล เพื่อไทย จึงเกิดนโยบาย "50 เขต 50 โรงพยาบาล" มีโรงพยาบาลชุมชนครบ 50 เขต สามารถคัดกรองผู้ป่วย และดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่
นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เขตมีนบุรี กล่าวว่า จากปัญหาด้านการศึกษา และปัญหาการว่างงานในปัจจุบัน เพื่อไทย จึงคิดนโยบาย "437 สถานศึกษา พัฒนาสร้างรายได้" เปิดศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยให้โรงเรียนเปิดรั้วให้ประชาชนเข้าไปเรียนรู้ Re-Skill และ Up-Skill เพิ่มทักษะคอมพิวเตอร์ โปรแกรมมิ่ง หลักสูตรภาษาที่ 2 (จีน-อังกฤษ) และหลักสูตรทำธุรกิจออนไลน์
นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เขตลาดกระบัง กล่าวว่า ปัญหาของกทม. ได้แก่ 1. ปัญหาน้ำท่วม หรือน้ำรอระบาย เกิดจากไม่มีการลอกท่ออย่างเป็นระบบ 2. ปัญหาของหมู่บ้านที่ถูกปล่อยทิ้งร้าง ปัญหาจึงตกมาอยู่ที่ประชาชน และ 3. ปัญหาคอนโด ค่าส่วนการไม่สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนกลางทั้งหมดได้ จึงไม่ได้รับการพัฒนา หรือช่วยเหลือจากกทม. ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงเกิดนโยบาย "กองทุนพัฒนาชุมชน 2 แสนบาท" กองทุนสำหรับ 1 ปี ที่ทุกคนมีสิทธิในการนำไปใช้แก้ปัญหาที่ประชาชนแต่ละพื้นที่ต้องประสบ
ด้านนายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร อดีตประธานสภากทม. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เขตจอมทอง กล่าวว่า ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าส.ก. 30 คนที่ถูกแต่งตั้งมาทำงานในปัจจุบันนั้น ไม่สามารถทำงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ เนื่องจากยังคงเห็นปัญหาเดิมๆ อยู่ ทั้งปัญหาน้ำท่วม จราจร สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม และการศึกษา ดังนั้น ส.ก. เพื่อไทย ต้องเป็น ส.ก. เพื่อประชาชน โดย ส.ก. จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ควบคุมการบริหาร และพิจารณางบประมาณ ผลักดันโครงการต่างๆ ให้เกิดขึ้น เพื่อประชาชนชาวกทม. ทุกคน