"สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์" หนึ่งในว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ให้การสนับสนุน ออกตัวประกาศชิงเก้าอี้เสาชิงช้าเป็นคนแรก ๆ โดยชื่อของ "สุชัชวีร์"เริ่มเป็นรู้จักตั้งแต่นั่งเก้าอี้เป็นอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง บัดนี้พกความมั่นใจจากเป็นผู้เชี่ยวชาญในฐานะวิศวกรงานโยธาด้านโครงสร้างใต้ดินและอุโมงค์ในงานโครงการต่างๆ ของภาครัฐโดดลงสนามการเมืองท้องถิ่นในมหานครใหญ่เป็นครั้งแรก
*แรงบันดาลใจ+ประสบการณ์ มั่นใจไม่ทำให้คนกรุงผิดหวัง
นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า มีแรงบันดาลใจตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรีที่จะอาสาเข้ามาทำงานในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างไปจากตำแหน่งทางการเมืองทั่วไป เพราะต้องมีความสามารถในการพัฒนาเมืองและการบริหารเมือง คือต้องเป็นทั้งช่างและพ่อบ้าน โดยจะนำความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในแวดวงวิศวกร การศึกษา และสาธารณสุขที่สั่งสมตลอด 30 ปีมาใช้แก้ไขต่างๆ ทั้งปัญหารถติด ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาฝุ่นพิษ ปัญหาการศึกษา ซึ่งเป็นปัญหาทางด้านเทคนิคจริงๆ
"ผมมีความตั้งใจเรื่องนี้มาตลอด 30 ปี ตั้งแต่เป็นนักศึกษากำลังจะจบวิศวะลาดกระบังแล้วได้นำเสนอผลงานการออกแบบอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดินสายแรกไปมอบให้ผู้ว่าฯ กฤษฎา (อรุณวงษ์ ณ อยุธยา) ซึ่งท่านได้มีจดหมายแนะนำตัวให้ผมมีโอกาสไปเรียนที่ MIT และมีความฝันที่อยากมาทำงานให้ กทม. เรามีความพร้อม โดยมีการเติมเต็มประสบการณ์และความรู้อย่างต่อเนื่อง เรามีความรู้และประสบการณ์ที่แน่นและละเอียดพอที่จะมาทำงานให้ กทม." นายสุชัชวีร์ กล่าว
นายสุชัชวีร์ ระบุว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมามีทั้งเรื่องระบบการศึกษา ทั้งระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา อุดมศึกษา และการศึกษาผู้ใหญ่ จึงมั่นใจว่าจะปรับปรุงโรงเรียนของ กทม.ให้เป็นโรงเรียนต้นแบบ (3 ภาษา เรียน 4 วัน) 50 แห่ง 50 เขต การพัฒนาเด็กเล็กของ กทม.ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกันการให้บริการของศูนย์บริการสาธารณสุขของ กทม.ยังมีความล่าช้า ทำให้ประชาชนต้องเสียเวลาและเสียโอกาสในการทำมาหากิน ซึ่งจะนำประสบการณ์ในการสร้างคณะแพทย์ศาสตร์ สถาบันพระจอมเกล้า (สจล.) ลาดกระบัง, เคยสร้างโรงพยาบาลพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหาร, เคยสร้างเครื่องมือแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 มาใช้ปรับปรุงศูนย์บริการสาธารณสุขมีคุณภาพที่ดีขึ้น มีเครื่องมือแพทย์ มีแพทย์เฉพาะทางประจำ 3 วัน มีระบบรักษาทางไกล
"ความพร้อมที่เราเตรียมตัวมา 30 ปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานวิศวกรรม งานด้านสังคม เด็ก การศึกษา และสาธารณสุข ดูแล้วเรามีประสบการณ์ครบก็เลยมีความมั่นใจที่จะเสนอตัวที่จะดูแลพี่น้องประชาชน ทั้งในฐานะพ่อบ้านและช่างของ กทม." นายสุชัชวีร์ กล่าว
*ภารกิจด่วนเร่งแก้น้ำท่วม-ว่างงาน-โควิด
งานเร่งด่วน 3 เรื่องแรกที่จะทำทันทีหากประชาชนใน กทม.ให้โอกาสเข้าไปทำหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม.คือ
1.การแก้ปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากเดือนพฤษภาคมจะเข้าสู่ช่วงฤดูฝน โดยจะต้องสังคายนาตั้งแต่ระบบระบายน้ำในคลองที่ยังไม่มีข้อมูลว่ามีความสามารถในการระบายน้ำได้มากหรือน้อยเพียงใด รวมถึงเครื่องสูบน้ำที่ยังเกิดความขัดข้องในการใช้งาน การเปิด-ปิดประตูระบายน้ำอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้ทันเวลาฤดูฝน ซึ่งประชาชนจะเห็นความแตกต่างที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนและจะดีขึ้นในปีต่อๆไป
2.ปัญหาเศรษฐกิจชุมชน ซึ่งจากการลงพื้นที่พบคนว่างงานเป็นจำนวนมาก โดยจะงบประมาณของ กทม.อัดฉีดลงไปยังพื้นที่โดยตรงเพื่อให้เกิดกองทุนการสร้างงาน 2,000 ชุมชน เฉลี่ยชุมชนละ 6 หมื่นบาท ซึ่งจะสามารถจ้างงานได้ทันทีมากกว่า 3 หมื่นคน การติดตั้งระบบอินเตอร์เน็ตให้บริการฟรี 1.5 แสนจุดเป็นสวัสดิการพื้นฐานของ กทม.เช่นเดียวกับอีก 59 เมืองทั่วโลก เพื่อให้เด็กสามารถเรียนออนไลน์ได้ฟรี การเข้าถึงระบบการค้าออนไลน์ การจัดกิจกรรม 12 เทศกาลใหญ่ 50 เทศกาลเขตเพื่อสร้างความครึกครื้นให้กับเมืองที่ซบเซา ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
3.ปัญหาโควิด-19 โดยการจัดสวัสดิการและเพิ่มจำนวนอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) จาก 1 หมื่นคน เป็น 2 หมื่นคนเพื่อให้เกิดความทั่วถึง เนื่องจากปัจจุบัน อสส.แต่ละคนมีภาระหนักเพราะเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดหนาแน่นและต้องดูแลประชาชน 30 ครอบครัว ขณะที่อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) ดูแลประชาชน 15 ครอบครัว และการตรวจคัดกรองต่อเนื่องเพื่อเร่งรักษาให้หาย พร้อมทั้งผลักดันให้ประชาชนได้รับวัคซีนเข็ม 3 อย่างทั่วถึง
"ผมมีความมั่นใจว่า ด้วยองค์ประกอบหลายๆ เรื่องที่ผมพยายามทำมาตลอด 30 ปี ผมจะทำหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม.ได้ดี" นายสุชัชวีร์ กล่าว
*ลั่น 6 เดือนเห็นความเปลี่ยนแปลงไม่รอถึง 4 ปี
สำหรับการทำงานตามวาระ 4 ปีเชื่อว่า กทม.จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน ได้แก่
1.ระบบสาธารณูปโภค เช่น ทางเท้า ทางม้าลาย ท่อระบาย จะมีการบริหารจัดการได้ตามมาตรฐานสากล
2.ปัญหา PM2.5 จะลดลง
3.ปัญหาน้ำเน่าในคลองจะหมดไป น้ำจะใสขึ้นจนสามารถโดดน้ำเล่นได้เหมือนในอดีต
4.โครงการป้องกันน้ำทะเลหนุน ที่มีสัญญาณบอกเหตุจากกรณีน้ำทะลักที่โรงแรมโอเรียนเต็ลและสะพานซังฮี้
"อันที่จริงไม่ต้องรอนานขนาดนั้น แค่เพียง 6 เดือนก็สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว...ผมจะไม่ส่งปัญหาเดิมๆ ให้กับผู้ว่าฯ คนต่อไป...ผมอยากเห็นว่าภายใน 4 ปีคน กทม.แย่งกันส่งลูกมาเรียน กทม.ใกล้บ้าน" นายสุชัชวีร์ กล่าว
นายสุชัชวีร์ กล่าวในท้ายที่สุดว่า ถึงแม้จะเป็นผู้สมัครฯ ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แต่ก่อนที่จะตัดสินใจได้มีข้อตกลงเรื่องทีมงานจะเป็นผู้ที่ต้องเองคัดเลือกเข้ามาทำงานด้วยตัวเอง จะไม่เกิดปัญหาความขัดแย้งกับพรรคเหมือนในอดีต
https://youtu.be/zOg1cbhy2MM