นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดแถลงข่าวเช้าวันนี้โดยกล่าวแสดงความเสียใจและขอโทษต่อกรณีของนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคตกเป็นผู้ต้องหาคดีกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเราหญิงสาวหลายราย ซึ่งส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อพรรคอย่างมาก
พร้อมกันนี้ ได้ขอลาออกจากคณะกรรมการที่เกี่ยวกับสตรีทั้ง 2 คณะ คือ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายสตรีแห่งชาติ แต่ยังไม่ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเนื่องจากไม่อยากทิ้งปัญหาไว้ให้ผู้อื่นต้องมารับผิดชอบ
นายจุรินทร์ ยอมรับว่าตนเองมีส่วนสำคัญในการพานายปริญญ์เข้ามาในพรรค แม้จะต้องผ่านกระบวนการลงมติหลายอย่างเพื่อให้ความเห็นชอบก็ตาม ซึ่งถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ จึงได้มอบหมายให้ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก กรรมการบริหารพรรคฯไปพิจารณากระบวนการคัดเลือกบุคคลเข้าร่วมงานกับพรรคว่าจะต้องแก้ไขปรับปรุงอย่างไรจากปัจจุบันที่มีหลักเกณฑ์อยู่ 21 ข้อ และจะต้องแก้ไขปัญหาที่เกิดจากกรณีของนายปริญญ์อย่างไร
"ในฐานะหัวหน้าพรรค ผมมีส่วนสำคัญในการนำคุณปริญญ์เข้าพรรค แม้ว่าต้องผ่านกระบวนการการพิจารณาของกรรมการบริหารพรรค และการดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค ต้องผ่านการลงคะแนนให้ความเห็นชอบต่อที่ประชุมใหญ่ของพรรคก็ตาม หรือแม้แต่กรณีที่เราไม่อาจทราบการณ์ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่างไร แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาในยุคที่ผมเป็นหัวหน้าพรรค หนีไม่พ้นที่ผมจะต้องรับผิดชอบ นอกจากนั้น ก็หนีไม่พ้นที่ผมจะต้องร่วมกับกรรมการบริหารพรรค ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น" นายจุรินทร์ กล่าว
พร้อมระบุว่า ปชป. มีจุดยืนชัดเจนในการต่อต้านการคุกคามทางเพศ และมีความชัดเจนในการต่อต้านการใช้ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และครอบครัว รวมทั้งต่อต้านการเลือกปฏิบัติความแตกต่างระหว่างเพศ
นายจุรินทร์ ยืนยันว่า กรณีของนายปริญญ์ พรรคจะไม่เข้าไปปกป้อง และพรรคจะไม่เข้าไปแทรกแซงใดๆ ในกระบวนการยุติธรรม และพรรคจะไม่เพิกเฉย ดูดายต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งสิ่งที่จะดำเนินการ คือ
1. ตั้งคณะทำงานตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้น แม้นายปริญญ์ จะลาออกจากพรรคไปแล้วก็ตาม เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและกำหนดมาตรการป้องกันและเยียวยาให้กับผู้เสียหายต่อไป นอกจากนี้จะตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคนอกเหนือจาก 21 ข้อ ที่มีอยู่ในข้อบังคับ โดยมอบหมายให้ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก กรรมการบริหารพรรค เป็นประธานคณะทำงาน
2. ตั้งคณะทำงานตรวจสอบการส่งข้อความในไลน์พรรค โดยมีนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคเป็นประธาน
3. ขอลาออกจากคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายสตรีแห่งชาติเพื่อป้องกันการเกิดผลกระทบ และต้องขออภัยนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบก่อนที่จะแถลงข่าว
ส่วนที่พรรคออกมาแถลงล่าช้านั้น นายจุรินทร์ ชี้แจงว่า ตนให้สัมภาษณ์เรื่องนี้แล้วในระหว่างลงพื้นที่ต่างจังหวัด และเป็นช่วงวันหยุดจึงไม่เป็นประเด็นข่าวใหญ่ อีกทั้งมอบหมายให้บุคลากรของพรรคออกมาชี้แจงแล้ว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า กรณีนี้ยังไม่ได้หารือกับนายศุภชัย พานิชภักดิ์ บิดาของนายปริญญ์ และคิดว่านายศุภชัย คงไม่สะดวกที่จะรับโทรศัพท์ ก่อนหน้านี้นายชวน หลีกภัย เคยชี้แจงแล้วว่านายศุภชัย ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
ส่วนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับการเลือกตั้งในอนาคตของพรรคนั้น คงตอบไม่ได้ แต่จะพยายามเข้าไปขับเคลื่อนให้มีความก้าวหน้า ไม่เป็นการหนีปัญหาแล้วปล่อยทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลัง ซึ่งเชื่อว่าจะมีเสียงตอบรับจากประชาชนมากขึ้น ซึ่งตนจะต้องก้าวผ่านปัญหานี้ไปให้ได้
สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.นั้นเป็นหน้าที่ของรองผู้อำนวยการเลือกตั้งฯ และผู้สมัครที่ต้องทำหน้าที่ต่อไป เพราะตามกฎหมายเลือกตั้งสภาท้องถิ่นห้ามบุคลากรของพรรคเข้าไปเกี่ยวข้อง แม้จะลงสมัครในนามพรรคก็ตาม ส่วนผลเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไรก็ถือว่าทำเต็มที่แล้ว ส่วนผลโพลก็เป็นกระจกสะท้อนการทำงาน
ส่วนกรณีดังกล่าวจะสั่นคลอนต่อตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า จุดยืนของตนคือทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่ไม่ขอตอบว่ามีผลสั่นคลอนต่อเก้าอี้หัวหน้าพรรคหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตั้งแต่นายจุรินทร์ เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรค จะถือว่ากรณีของนายปริญญ์ ได้สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและกระทบต่อความน่าเชื่อถือของพรรคมากที่สุดหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ต้องถือว่าพรรคได้รับผลกระทบมาก แต่จะไม่ขอย้อนไปในอดีต เพราะอยู่นอกเหนือจากความรับผิดชอบของตน แต่ขณะที่ตนมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค กรณีของนายปริญญ์ ได้ส่งผลกระทบต่อความเสียหายของพรรคเป็นอย่างมาก
ส่วนกระแสสังคมที่พูดถึงความรับผิดชอบของกรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าพรรค มีการคิดหรือแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกบ้างหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ได้ไตร่ตรองเรื่องนี้ แต่ก็มีสองแง่มุม มุมแรก หากอยู่ๆ ลาออกไปก็จะเป็นการทิ้งปัญหา เป็นการไม่รับผิดชอบ ดังนั้นจึงคิดกันว่า เมื่อเกิดปัญหาขึ้นและเกิดในยุคของเรา ก็ต้องเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องเข้าไปแก้ไขให้เสร็จสิ้นลุล่วง ไม่ปล่อยปัญหาทิ้งไว้ให้คนรุ่นต่อไป หรือให้คนอื่นต้องรับผิดชอบ
เมื่อถามว่าพฤติกรรมของนายปริญญ์ มีคนเคยเตือนแล้ว รวมถึงผู้ใหญ่ในพรรคก็มีการเตือนถึงการนำนายปริญญ์ เข้ามาและอ้างว่านายจุรินทร์ให้เคลียร์ประวัติ ล้างประวัติก่อนจะเข้ามานั้น จะชี้แจงอย่างไร นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่ขอย้อนไปพูดพาดพิงถึงบุคคลใด
"แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้ ก็คือผมมีส่วนสำคัญในการพาคุณปริญญ์ เข้ามาในพรรค แม้ว่าต้องผ่านขั้นตอนในพรรค ต้องมีการลงมติให้ความเห็นชอบ แต่สุดท้ายผมก็ต้องรับผิดชอบ" นายจุรินทร์ กล่าว