นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวยืนยันว่า จะเสนอนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรค ซึ่งวันนี้ถือว่า ได้รับความไว้วางใจให้คณะกรรมการบริการได้ทำงาน ซึ่งคณะกรรมการดำเนินการต่อไป จะสร้างทีมงานเพื่อรับใช้ประชาชนต่อไป โดยในตอนที่ยังทำงานการเมือง นายสมคิด ตนเองและทีมงาน ได้ช่วยแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติ และมีหลายโครงการได้ริเริ่มไว้ เช่น การวางระบบสวัสดิการแห่งรัฐ การสร้างพลังงานชุมชน ระบบพร้อมเพย์ ระบบเป๋าตุง เป๋าตังค์ การสร้างเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งวันนี้ได้ใช้ประโยชน์กว้างขวาง ลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก เมื่อเกิดโควิด-19 ระบบนี้ส่งผ่านการเยียวยาให้กับประชาชน
อย่างไรก็ตาม นายอุตตม ยอมรับว่า จากเงื่อนไขทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่สอดคล้องกับความตั้งใจของเราที่จะเข้าไปทำงาน ไม่สามารถทำต่อได้ เราก้าวออกจากวงการทางเมือง แต่ยังมีงานที่ไม่ได้ทำต่อ ยังต้องต่อยอด เพราะยังไม่บรรลุผลอย่างสมบูรณ์ ซึ่งได้ติดตามสถานการณ์บ้านเมือง วันนี้ที่พวกเรามารวมกันทำงานการเมืองที่พวกเราร่วมกำหนด เพราะประเทศชาติอยู่ในช่วงสุ่มเสี่ยง เราอาสาเป็นแกน ทำงานเพื่อประเทศชาติ และจากนี้ไปถือนับหนึ่งของพรรคอย่างเป็นทางการ และร่วมกับผู้ที่มีอุดมการณ์ในทุกภาคส่วนมาทำงาน
"ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาทำงานอย่างหนัก รับฟังปัญหาจากทุกภาคส่วน เปิดเวทีระดมความคิดเห็น และขับเคลื่อนนโยบายเป็นรูปธรรมให้มากที่สุด และมีภาคประชาชนมาทำงานร่วมกัน นับจากนี้ไปผมและทีมงานจะขับเคลื่อนอย่างเป็นทางการ ให้พรรคเป็นสถาบันทางการเมือง
นอกจากนี้ พรรคสร้างอนาคตไทย จะยืนข้างประชาชน สร้างพลังบวกให้กับการเมืองไทย เราจะทำงานการเมืองโดยยึดถือประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก ร่วมสร้างระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง หยุดประชาธิปไตยเทียมที่ยึดอยู่กับการตอบสนองคนบางกลุ่มเท่านั้น โดยไม่คำนึงความเสียหายของประเทศชาติ"
สำหรับเป้าหมายแรก คือ การแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน โดยเฉพาะเรื่องปากท้องและเศรษฐกิจ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาต้องเผชิญกับภาวะของแพง รายได้ตกต่ำ ค่าครองชีพไม่เพียงพอ ส่งผลทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เพื่อให้หลุดจากวงจรความยากจน มีโอกาสเข้าถึงสวัสดิการที่ควรได้ การศึกษาที่มีคุณภาพ แก้ปัญหาปัญหาความไม่เสมอภาคในสังคม
นายอุตตม ยอมรับว่า การที่อาสาเข้ามาแก้ปัญหาไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหากทำได้ง่ายๆ คนที่มีอำนาจคงแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาแล้วประชาชนควรมีพรรคการเมืองที่เป็นทางเลือก พรรคสร้างอนาคตไทยจึงขออาสาเสนอเป็นทางออก เป็นพรรคที่ทำงานจริงจัง ไม่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ประชาชนพึ่งพาได้ กลับมาเป็นประเทศทันสมัย พัฒนาได้เต็มศักยภาพ ด้วยนโยบายการพัฒนาที่ยั่งยืน บนพื้นฐานความเสมอภาพ
พร้อมทั้งรวบรวมคนหลายภาคส่วนประกอบกับคนรุ่นใหม่ร่วมอุดมการณ์ พัฒนาชุดความคิดใหม่ และทุกคนในพรรคจะร่วมกันสร้างการเมืองใหม่ ทำงานแบบมืออาชีพ เพื่อประโยชน์ประชน และทำงานด้วยความซื่อสัตย์และพรรคไม่ได้ไขว่คว้าหาอำนาจ และพร้อมเปิดพื้นที่รับฟังความคิดเห็นที่สอดคล้องและแตกต่าง
สำหรับความท้าทายของพรรคจะสู้พรรคเก่าได้หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า วันนี้ประชาชนเปลี่ยนไปแล้ว ประชาชนแยกแยะได้ การยึดติดการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์ จะทำให้ประเทศชาติไม่ไปไหน การเมืองติดหล่ม สังคมมีแต่ความขัดแย้ง เป็นหน้าที่พรรคที่จะนำเสนอประชาชนด้วยความคิดใหม่ แก้ปัญหาให้กับประชาชน ทำงานกับประชาชน เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง เป็นหน้าที่พวกเรา ถ้าอยากให้ประเทศหลุดพ้นความขัดแย้ง ความเลื่อมล้ำ การไม่เสมอภาคในสังคม สร้างอนาคตที่ดี สร้างโอกาสของประเทศไปด้วยกัน ร่วมเดินกับเราพรรคสร้างอนาคตไทย
ด้านนายสุรนันท์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรค ดูแลพื้นที่กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เหตุผลที่กลับมาทำการเมืองรอบนี้ เนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านเกิดโควิดระบาดทั่วโลก หลายประเทศรัฐบาลจัดการแก้ปัญหาได้ แต่รัฐบาลไทยไม่สามารถดูแลระบบสาธารณสุขได้ ซึ่งรัฐบาลต้องบริหารจัดการได้ดีกว่านี้ นอกจากนี้ รัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถบริหารเศรษฐกิจ ทั้งแก้ปัญหาระยะสั้น และกระบวนการหลังโรคระบาดหมดสิ้นไป รัฐบาลไม่สนใจและไม่แก้ปัญหาเรื่องข้าวของแพง แต่กลับไปแก้ปัญหาหวยแพง ซึ่งทั้ง 2 ปัญหามาจากการบริหารจัดการล้มเหลวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ไม่สามารถให้อยู่ต่ออีก 8 ปีได้
ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ดูแลภาคใต้ กล่าวว่า การทำงานการเมืองครั้งนี้ ถือเป็นการทำสงครามครั้งสุดท้ายของตนเอง ที่จะเข้ามาร่วมฟื้นฟูภาคใต้ทำให้ภาคใต้หายจน และหวังสร้างอนาคตให้กับลูกหลานคนภาคใต้ และวันนี้ตนถอดแจ็กเก็ตจากพรรคประชาธิปัตย์ มาใส่แจ็กเก็ตพรรคสร้างอนาคตไทย แต่จิตวิญญาณในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมยังคงอยู่ และหลังจากนี้จะเดินหน้าเชิญชวนให้คนภาคใต้มาร่วมสร้างอนาคตไทยกับตน
นายสุพล ฟองงาม รองหัวหน้าพรรค ดูแลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า ปัญหาปากท้องถือเป็นปัญหาใหญ่ ประชาชมีรายได้น้อย และวันนี้ประเทศชาติต้องการมืออาชีพ มั่นใจว่าพรรคจะเป็นทางรอด เป็นความหวังของประเทศ เป็นความหวังประชาชนในการแก้ปัญหาในทุกด้าน
"วันนี้ถือว่า เราออกจากจุดสตาร์ท หลังจากนี้เครื่องยนต์ของพรรคต้องทำงาน และจากผลสำรวจเกือบ 40% ประชาชนต้องการพรรคการเมืองและผู้นำใหม่" นายสุพล กล่าว
ด้านนายวิเชียร ชวลิต รองหัวหน้าพรรค กล่าวว่า เมื่อ 2 วันก่อนได้ลาออกจากส.ส. เนื่องจากตามหาพรรคที่ทำนโยบายเพื่อประชาชนเป็นหลัก และเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมให้ความเห็นไปสู่การกำหนดนโยบาย เป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จได้ จึงได้ตัดสินใจมาอยู่พรรคสร้างอนาคตไทย