นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 4 พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์คลิปวิดีโอ พร้อมกับตั้งคำถามชวนคิด "ทำไม" เพื่อให้ชาว กทม. ตระหนักถึงหลายปัญหาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ทำไมเราต้องตื่นตีสี่เพื่อให้ลูกทานข้าวในรถ แล้วส่งไปโรงเรียนในเมืองที่รถติดแสนสาหัส ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนแพงๆ ทำไมพ่อแม่ต้องตื่นตีสามเพื่อไปต่อคิวโรงพยาบาล ทั้งที่ใกล้บ้านมีศูนย์สาธารณสุขของ กทม. ทำไมเราต้องทนสูดฝุ่น PM 2.5 ทำไมอาคาร สถานที่ก่อสร้างต้องมีของหล่นใส่ ทำไมน้ำเน่าทุกที่ แม้แต่ฟุตบาททางเท้าก็ยังไม่เท่าเทียมที่ใจกลางเมืองยังจะเรียบกว่าแถวนอกเมือง ที่แทบเดินไม่ได้
"ก่อนที่จะประกาศตัวก็รู้อยู่แล้วว่ามันยาก ที่จริงก็มาสมัครงานเหมือนกัน แต่มาสมัครงานกับคนที่เยอะกว่า ประมาณ 5 ล้านกว่าคน มีความต้องการหลากหลาย มีความคิดหลากหลาย มีอุดมการณ์ หรือมีความชอบทางการเมืองหลากหลายด้วย ซึ่งความจริงแล้วก็ไม่ได้เกี่ยวกับหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม. เลย เพราะผู้ว่าฯ กทม. ไม่ได้เป็นนักการเมืองเลย แต่ต้องเป็นนักจัดการเมือง พัฒนาเมือง บริหารเมือง ดูแลเมือง แต่มันแยกกันไม่ออก ตรงนี้มันทำให้ยากมากๆ เพราะมีเรื่องการเมืองเข้ามาด้วย"
นอกจากนี้ นายสุชัชวีร์ ยังระบุอีกว่า ปัญหากรุงเทพฯ หนักสุดๆ แต่เวลา 4 ปีมันแป๊บเดียว จึงต้องมีผู้ว่าฯ ที่เป็นผู้นำที่คอย "จู้จี้ จุกจิก จ้ำจี้ จ้ำไช" และต้องลุยจริงๆ เพราะพื้นที่เยอะ การบริหารเมืองนั้นต้องมาด้วยหลักวิชาการ หลักวิศวกรรม จากการที่เคยได้เข้าพบผู้ว่าฯ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ก็ได้ถามว่าทำไมเขาถึงแก้ปัญหาวิกฤติได้ และได้คำตอบว่า เป็นเพราะเขาใช้หลักวิศวกรรม ไม่เช่นนั้นแล้วเราจะไม่สามารถต่อสู้กับภัยพิบัติ และต่อสู้กับปัญหาของเมืองได้เลย
"พอเราอายุถึงเท่านี้ ความฝันของเราก็จะโฟกัสแคบลงไปเรื่อยๆ แคบด้วยเวลาของเรา แคบด้วยภาระของเราทั้งร่างกาย สุขภาพ มีลูกต้องดูแล มีครอบครัว มีพ่อแม่แก่เฒ่า ดังนั้นความฝันทุกคนจะค่อยๆ แคบลง ช่วงนี้ พี่เอ้ มีครอบครัวที่พร้อม และได้ทำสิ่งต่างๆ มามาก สิ่งที่เหลืออยู่คือ อยากเห็นบ้านเมืองเปลี่ยนแปลง ผมพูดจากใจเลย ถ้าศักยภาพของเรา หรือตัวเราทำให้บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงได้ เราก็อยากทำ แล้วก็ไม่ทำเพื่อตัวเอง แต่อยากเห็นบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงจริงๆ อยากเห็นจริงๆ ในช่วงเวลาแคบๆ ที่เราเหลืออยู่นี้"
"ผมก็มีลูกเล็ก อยากให้ลูกเติบโตในเมืองที่มีคุณภาพ ไม่อยากให้เขาเจอปัญหาที่เราเจอ หรือต้องเจอเรื่องที่หนักกว่าเรา ผมคิดว่าทุกคนคิดคล้ายๆ กันว่ามันต้องเปลี่ยน ผมถึงมีนโยบาย เปลี่ยนกรุงเทพฯ #เราทำได้ และผมขอเป็นผู้ว่าฯ ที่ใช้หลักวิชาการ หลักวิศวกรรมมาแก้ปัญหาของเมือง พร้อมกับความมุ่งมั่นแบบสุดๆ ที่ต้องเปลี่ยนกรุงเทพให้เป็นเมืองสวัสดิการทันสมัยต้นแบบของอาเซียน ที่ทุกคนต้องเข้าถึงสวัสดิการที่ดีได้ทุกคน ทั้งในเรื่องการศึกษา ความปลอดภัย สาธารณสุข รวมถึงสิ่งแวดล้อม เพราะผมอยู่ในวัยที่พอดี มีประสบการณ์ มีสมองที่ดี จึงอยากทำงานนี้จริงๆ ผมอยากใช้พลัง ศักยภาพทั้งหมดที่มีมาแก้ปัญหา กทม."