นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวนายกฯคนนอกว่า กฎหมายเป็นรูปแบบการปกครองที่ชัดเจนอยู่แล้ว กลไกของรัฐธรรมนูญอย่างที่เราเห็นมาจนถึงปัจจุบัน ก็เป็นกลไกส่วนหนึ่งของภารกิจที่รัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ ดังนั้นจะไปออกนอกเหนือจากรัฐธรรมนูญนั้นมันไม่มี ส่วนเรื่องตัวบุคคลก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ภายใต้เงื่อนไขของระบบสภาฯก็ทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ และเป็นผู้แต่งตั้งบุคคลที่มีการเสนอขึ้นมาจากเสียงข้างมาก นี่เป็นไปตามหลักที่ผ่านมาอย่างที่เราได้เห็น ซึ่งมาวันนี้ก็ 3 ปี
ส่วนที่เหลืออยู่ 1 ปี อะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่อาจไปพยากรณ์ล่วงหน้าได้ แต่เราก็เตรียมให้การทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติมีความสมบูรณ์ เพราะงานปีสุดท้ายจะมีค้างอยู่มาก โดยตนได้ปรารถกับผู้นำฝ่ายค้านว่าปีที่เราจะเปิดสมัยประชุมครั้งนี้อยากขอความร่วมมือทุกฝ่ายให้ร่วมกันทำงาน เพราะเป็นงานของส.ส.ไม่อาจเลื่อนไปให้มากกว่านี้ได้ คิดว่าเวลาที่เหลืออยู่การทำงานน่าจะให้งานที่กรรมาธิการได้ทำเอาไว้สามารถผ่านไปได้ พยายามทำทุกเรื่องที่ค้างอยู่
เมื่อถามว่า โอกาสเหล่านี้ ช่องกฎหมายไม่ได้เปิดเอาไว้ให้ใช่หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงจากรูปแบบที่เป็นอยู่ เพราะว่าเมื่อเปิดสมัยประชุมสภาฯแล้ว แน่นอนที่สุดว่ากฎหมายที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วมีอยู่หลายฉบับ ทั้งฝ่ายรัฐสภาและสภาผู้แทนราษฎร กฎหมายสำคัญของปีนี้คือร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ขณะนี้กำลังรอว่ารัฐบาลจะส่งมาเมื่อไหร่ ซึ่งสภาฯได้หารือเป็นการภายในเรียบร้อยแล้วว่าหากรัฐบาลส่งมาแล้วเมื่อไหร่ วันรุ่งขึ้นหรือวันนั้นเราจะส่งให้ส.ส.ทันที เพื่อศึกษาดูล่วงหน้าอย่างน้อย 9-10 วัน จากนั้นก็จะนัดประชุมกันต่อไป
"ปกติเราใช้เวลาพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 3 วัน ครั้งนี้คาดว่าต้นเดือนมิ.ย.คงจะพิจารณาได้ ส่วนญัตติการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เป็นเรื่องแล้วแต่สมาชิกฯเสนอเมื่อไหร่ เป็นไปตามวาระของรัฐธรรมนูญและข้อบังคับที่กำหนดเอาไว้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร เพราะ 3 ปีที่ผ่านมาก็มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกปี"