นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี เขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก ถึงแนวทางการต่อสู้ของพรรคเพื่อไทยและแนวร่วมฝ่ายค้าน ต่อสถานการณ์การเมืองในอนาคต ระบุว่า ในนามของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ขอยืนยันว่าพวกเราจะต่อสู้ในสองแนวรบ คือการต่อสู้เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาต่างๆของบ้านเมือง กับการทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยควบคู่กันไป
ที่ผ่านมา ผมขึ้นพูดในฐานะตัวแทนพรรคเพื่อไทย บนเวทีผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน : ทั่วไทยทวงคืนอำนาจประชาชน เวทีที่ 3 'ประชาธิปไตยเสื่อม ประเทศโทรม แรงงานสิ้นหวัง' ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดชลบุรี
ที่ประชาธิปไตยเสื่อมหมายถึงระบบที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเลย ผู้มีอำนาจวางอะไรไว้หมดจนกระทั่งประชาชนกำหนดอะไรไม่ได้ แต่มาเกี่ยวกับพี่น้องประชาชนอย่างไร?
ประชาธิปไตยเสื่อมมันทำให้พี่น้องไม่สามารถกำหนดความเป็นไปของบ้านเมือง อยากได้อะไรอยากให้แก้ปัญหาอะไรก็ไม่สามารถแก้ได้ เนื่องจากว่าระบบแบบนี้มันทำให้เราได้รัฐบาลที่ไม่สนใจประชาชน ไม่ต้องตอบสนองประชาชน เพราะว่าเขาจะเป็นรัฐบาลกันเขามีส.ว. 250 คน คอยเป็นตัวสนับสนุน เขาไม่ต้องง้อพรรคการเมืองอะไรมาก ไม่ต้องง้อส.ส.เลย ไม่ต้องฟังประชาชน และจำกัดเสรีภาพประชาชนด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเราก็ได้รัฐบาลที่พอเลือกตั้งมาเป็นรัฐบาลก็ไม่สนใจจะแก้ปัญหาประชาชนจริงจังอะไร
แต่ที่สำคัญรัฐบาลแบบนี้ที่เป็นเผด็จการ ไม่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ปัญหามันก็กระทบมาเรื่องการส่งออก การท่องเที่ยว แต่ที่สำคัญคือทำให้ไม่มีคนเก่งคนมีความรู้ความสามารถเข้ามาร่วมรัฐบาล มีคนมาทำงานก็ทยอยถอยออกไปบ้าง ชวนเข้ามาได้ 2 วัน 7 วันก็ออกไป ไม่มีคนเก่งๆมีความรู้ความสามารถมาร่วมทำงานกับรัฐบาลเลย ที่นี่เวลาแก้ปัญหาทำอย่างไร? นายกรัฐมนตรีที่ไม่มีความรู้ทางเศรษฐกิจอะไรเลยก็เลยต้องเป็นหัวหน้าทางเศรษฐกิจเอง และเวลาแก้ปัญหาเจอกับโควิด-19 แทนที่จะระดมเอานักธุรกิจมาช่วยเสนอความเห็นของประชาชน ภาคส่วนต่าง ๆ มาเสนอความเห็นให้ร่วมกันคิดหลายๆแบบ เอาหมอที่มีความรู้มาร่วมกันหลายๆฝ่าย มันกลายเป็นเอาฝ่ายความมั่นคงมาดูแลเรื่องทั้งหมด ก็เลยไม่เข้าใจทั้งเรื่องการแพทย์หรือเรื่องวัคซีนเลย กลายเป็นมีแต่เรื่องผลประโยชน์ของตนเอง ที่สำคัญไม่โยงกับเศรษฐกิจ
ทิ้งท้ายบนเวทีพิธีกรยังถามถึงการแก้ปัญหาโดยการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี จากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งผมได้แสดงความคิดเห็นคัดค้านวิธีดังกล่าวไปว่า
"ไม่ว่าจะเป็นนายกฯคนปัจจุบันหรือจะเป็นลูกพี่กันมาก่อนมาเป็นแทน ก็เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ไหวทั้งคู่ ยิ่งเป็นบ้านเมืองยิ่งพัง แล้วทำไมเราถึงยังพูดว่าสองคนนี้คนใดคนหนึ่งอาจจะเป็นนายกฯ ก็เพราะว่าสองคนนี้เขาร่วมกันตั้งส.ว. 250 คนมา แต่ลองไม่มีส.ว. 250 คนสิ เพราะฉะนั้นเราถึงได้พูดว่าลองให้ฝ่ายค้านชนะเยอะๆ ได้เสียงเกินส.ว.เยอะๆสิ 2 คนนี้ไม่มีทางได้เป็นนายกฯ แล้วก็จะได้หยุดการสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยสักที"
ในเวทีนี้ยังมีการรับฟังความเห็นพี่น้องประชาชนชาวชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงที่มาร่วมงานผมเป็นตัวแทนของพรรคฝ่ายค้านตอบคำถามของประชาชน โดยสรุปว่า "ปัญหาส่วนใหญ่ที่พี่น้องถามกันมาเกือบทุกข้อเป็นปัญหาที่เชื่อมโยงกับ การที่รัฐบาลบริหารไม่เป็นและความไม่เป็นประชาธิปไตยของระบบหากจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ก็ต้องเปลี่ยนรัฐบาลครับ"