พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ.ว่า ที่ประชุม ศบศ.วันนี้ได้หารือมาตรการต่าง ๆที่จะขับเคลื่อนด้านการท่องเที่ยว หลังจากเห็นสัญญาณการฟื้นตัว
"สบายใจเรื่องท่องเที่ยว ขณะนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และคาดการณ์ว่าในช่วงไตรมาส 4/65 ต่อเนื่องไปยังไตรมาส 1/66 หากสามารถรักษาสถานภาพไว้ได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดี ดังนั้น ขอความร่วมมือจากภาคเอกชนและประชาชน ช่วยระมัดระวังให้บ้านเมืองสงบสุข ลดความขัดแย้ง และมีความปลอดภัยจากโควิดด้วย"นายกรัฐมนตรี กล่าว
สำหรับมาตรการต่าง ๆ มีทั้งการเตรียมการในระยะยาวเพื่อจัดงานท่องเที่ยวเอ็กซ์โปที่จังหวัดภูเก็ตในปี 2571 ซึ่งจำเป็นต้องวางแผนล่วงหน้า เพื่อให้ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน ซึ่งก็ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างกัน ขณะเดียวกัน มีการหารือเพื่อสนับสนุนการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศ รวมทั้งหาแนวทางให้คนต่างชาติเข้ามาใช้เงินมากยิ่งขึ้นและพักในประเทศนานขึ้น อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าแนวทางดังกล่าวจะไม่ทำให้คนไทยต้องเดือดร้อน
นอกจากนี้ ได้มีการหารือเรื่องการให้ความช่วยเหลือในห่วงโซ่ต่างๆ ของการท่องเที่ยว ซึ่งมีหลายโรงแรมต้องการปรับปรุงหลังจากต้องปิดกิจการไปชั่วคราวในช่วงสถานการณ์โควิด ซึ่งในส่วนนี้ต้องดูว่ารัฐบาลจะสามารถช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง โดยอาจจะหารือกับธนาคารต่างๆ เพื่อให้สภาพคล่องและเงินหมุนเวียนให้กับโรงแรมเพื่อนำไปปรับปรุงกิจการ
"ย้ำว่าทุกโครงการที่รัฐบาลทำไปมีเจตนามุ่งหวังให้ถึงมือประชาชนจริงๆ และรัฐบาลพยายามอุดรูรั่วและช่องว่างต่างๆ ให้มากที่สุด โดยขออย่าไปเชื่อคำบิดเบือนต่างๆ ซึ่งวันนี้มีข่าวว่า ร้านค้าโครงการ คนละครึ่ง ถูกเก็บภาษีย้อนหลัง ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริง เพราะหากรายได้ไม่ถึงจะเก็บภาษีได้อย่างไร และไม่สามารถเก็บภาษีย้อนหลังได้ ซึ่งโครงการนี้มีวัตถุประสงค์ต้องการให้ทุกคนมีการใช้จ่าย และส่งผลดีไปยังผู้ผลิตด้วย" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ศึกษาว่าทำอย่างไรให้ทั่วถึง โดยคำนึงเรื่องความเดือดร้อนเป็นหลัก เนื่องจากทุกครั้งที่มีโครงการให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม จะต้องใช้งบประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาท แต่ขณะนี้งบประมาณเริ่มน้อยลง จึงต้องพิจารณาว่าจะสามารถทำได้แค่ไหน อย่างไร