พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการเดินทางไปร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ ณ กรุงวอชิงตัน ระหว่างวันที่ 12-13 พ.ค. นี้ โดยยืนยันว่าการเดินทางไปครั้งนี้ไม่ได้มีประเด็นอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งจะเป็นการประชุมตามวาระปกติ
"เมื่อเกิดสถานการณ์สงครามขึ้น ก็ถือเป็นเรื่องของภูมิภาค และอาจมีการแสดงความคิดเห็นกัน แต่คงไม่ใช่เป็นการเลือกอะไรกับใคร และวาระการประชุมมีเรื่องที่ต้องหารือกันจำนวนมาก และคงไม่ได้มุ่งไปที่ประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ทุกประเทศก็มีนโยบายทางด้านการต่างประเทศ" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนในอาเซียนได้มีการพูดคุยกันผ่านทางเลขาธิการอาเซียนอยู่แล้ว โดยไทยไปในบทบาทของอาเซียน เหมือนการประชุมทุกครั้งที่ผ่านมา และตนจะพยายามทำอย่างเต็มที่ให้ดีที่สุด โดยขอให้ไว้ใจและอย่ากังวลมากนัก รวมทั้งขออย่ามีการปล่อยข่าวที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการประชุมครั้งนี้ ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าบทบาทของไทยอยู่ในจุดไหน
"อย่าไปฟังมากนักเลย คนบางคนแสดงความคิดเห็นออกมา บางทีก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ก็พูดออกมา อาจจะด้วยความห่วงใย และคนที่ควรจะห่วงใยมากที่สุดคือนายกรัฐมนตรีไม่ใช่หรือ ซึ่งการประชุมอาเซียน-สหรัฐ ก็ได้มีการเตรียมการมาเป็นระยะเวลานานพอสมควรแล้ว กระทรวงการต่างประเทศมีการประชุมรัฐมนตรีมาตลอดเวลา ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็ไปประชุมเลย" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ขณะที่รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีเดินทางเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีเป็นเวลา 5 วัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีความเป็นห่วงเรื่องความขัดแย้งภายในประเทศ ซึ่งไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะมาสร้างความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งวันนี้จะต้องเตรียมการชี้แจงร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ตามวาระที่ได้เตรียมไว้ ถ้าไม่ได้มีการพิจารณาจะทำให้เกิดความเดือดร้อนในการใช้งบประมาณ จึงอยากให้ทุกคนมีความเข้าใจ
นอกจากนี้ มีอีกหลายเรื่องที่จะต้องทำให้บ้านเมืองสงบ เนื่องจากกำลังเดินหน้าเรื่องของการท่องเที่ยวและการลงทุน ซึ่งต่างชาติก็ต้องมองเรื่องความขัดแย้งในประเทศไทย ถ้าไม่มีความขัดแย้งมากหรืออยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ต่างชาติก็จะเพิ่มการลงทุนภายในประเทศมากขึ้น จึงมีความจำเป็นต้องปรับแก้หลายมาตรการทั้งสิทธิประโยชน์และข้อกฎหมายต่างๆ ให้มีความทันสมัย
ส่วนจะต้องขอความร่วมมือจากฝ่ายค้านในเรื่องของงบประมาณอย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มีการหารือกันตลอด อะไรที่ขัดแย้งกันมากๆ โดยไม่มีความจำเป็น ก็ไม่รู้จะขัดแย้งไปทำไม ขณะเดียวกัน การใช้จ่ายงบประมาณในขณะนี้ต้องให้เกิดประโยชน์สูงสุด และให้เกิดผลเป็นรูปธรรม รวมถึงต้องตั้งเป้าหมายในการทำงบประมาณปี 66 ให้สอดคล้องกันด้วย
อย่างไรก็ดี ขณะนี้มีผลกระทบจากโควิด และสถานการณ์ต่างประเทศด้วย ซึ่งรัฐก็พยายามแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์ของประชาชนทุกคน