นายกรัฐมนตรี กล่าววว่า ผู้ค้ายาเสพติดได้มีการเปลี่ยนรูปแบบการขายในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ดังนั้นทุกหน่วยงานต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันในการปราบปราม รวมถึงสร้างความเข้าใจ ความร่วมมือ และสอดส่องดูแลไม่ให้มีการเพิ่มจำนวนนักเสพหน้าใหม่เพิ่มขึ้น และทุกวันนี้ได้ดำเนินการอายัดทรัพย์สิน เพื่อเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยงของกระบวนการค้ายาเสพติด ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีการรับเงินสินบน ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ใช้ความรุนแรง และยึดตามหลักสากล
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า พอใจผลการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ในการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหาอย่างครบวงจร แต่ก็มีบางส่วนที่จะต้องปรับปรุง เช่น กฎหมาย โดยรัฐบาลกำหนดให้ยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ และเป็น 12 นโยบายเร่งด่วนที่ภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกัน เพื่อลดผลกระทบต่อครอบครัวและประเทศชาติ รวมทั้งไม่ให้มีการแพร่กระจายยาเสพติด และขณะนี้มีประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ที่ได้รวมกฎหมายจาก 24 ฉบับ เป็น 1 ฉบับ ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในการแก้ปัญหา ทำให้เกิดความสมดุลในการปราบปรามยาเสพติดและรัษาผู้เสพ ซึ่งสะดวกต่อการใช้งาน ลดความซ้ำซ้อน ส่งเสริมให้ประชาชนเกิดความเข้าใจและร่วมมือ
นอกจากนี้ ได้ปรับบทลงโทษให้มีความเป็นธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุด เน้นลงโทษผู้ค้าและขบวนการยาเสพติด ส่วนผู้ค้าที่เป็นความผิดเล็กน้อย จะให้โอกาสในการปรับตัวเป็นคนดี ส่วนผู้เสพจะนำเข้าสู่การบำบัด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยาเสพติดเป็นสิ่งที่ติดง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันน้อย ดังนั้นเราต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้ทุกคนตระหนักถึงอันตรายของยาเสพติด ซึ่งถือเป็นการฆ่าตัวตายทางอ้อม สิ่งสำคัญคือต้องช่วยกันป้องกัน เพราะจะช่วยแบ่งเบาการปราบปรามลง
โดยในระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดการติดตามผลการบังคับใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด มีกลุ่มนักเรียนเลว 3 คน เดินทางมารอพบนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกกฎกระทรวงเกี่ยวกับทรงผมนักเรียน ขอให้เป็นสิทธิเสรีภาพของนักเรียน รวมถึงเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการศึกษา ปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอน และบุคลากรครู โดยเห็นว่าหากนายกรัฐมนตรีดำเนินการไม่ได้ ก็ให้พิจารณาตนเองและลาออกไป