นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และ ทีมสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ ลักษขณาอดิศร และ ส.ก.พรรคก้าวไกล แถลงความร่วมมือการทำงานร่วมกันในสภากทม. หลังได้รับการเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ส.ก.จากพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล จะร่วมกันทำงานเพื่อยกระดับประสิทธิภาพ และความโปร่งใส ของสภากรุงเทพฯ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ
2.หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ให้การรับรองผลการเลือกตั้ง ในการร่วมกันทำงานตามข้อหนึ่ง สมาชิกสภากทม.ทั้ง 2พรรค จะร่วมกันเห็นชอบในการลงมติเพื่อเลือกประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ เพื่อให้การทำงานมีเอกภาพ โดยการแบ่งหน้าที่ต่างๆ ต้องเป็นไปอย่างความเหมาะสม โดยคำนึงถึง สมาชิกสภา กทม.ทุกคน ในการทำงาน เพื่อควบคุม ตรวจสอบ และ ดูแลการบริหารราชการ กทม. ของฝ่ายบริหาร ที่มี ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้บริหาร
3. ส.ก.จากทั้ง 2 พรรค จะร่วมกันเห็นชอบให้มีการแก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาฯ เพื่อให้มีการตั้ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อทำให้การบริหารของ กทม.เป็นไปด้วยความสุจริต โปร่งใส ตอบสนองประโยชน์ของชาว กทม.อย่างแท้จริง
4. ส.ก.จากทั้ง 2 พรรค จะร่วมกันเห็นชอบให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมสภา กทม. ทั้งนี้เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อความโปร่งใสในการทำงาน ทั้งนี้เพื่อให้ภาคประชาชน สามารถตรวจสอบการทำงานของสมาชิกสภาฯได้
ทั้งนี้ ส.ก.จากทั้ง 2 พรรค มุ่งหวังที่จะทุ่มเทการทำงานให้กับประชาชนชาว กทม. อย่างเต็มที่ และเพื่อยกระดับการทำงานของสภากรุงเทพ ฯ ให้เป็นที่พึ่งของประชาชนชาว กทม. ทุกคน ต่อไป
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นความร่วมมือทั้ง 2 พรรค ในการจัดสรรประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ โดยจะจัดหาคนที่ความเหมาะสมมาทำงาน ส่วนเรื่องของประธานกรรมการ จะมีสัดส่วนของแต่ละพรรค ซึ่งต้องว่ากันอีกทีภายหลัง ในส่วนของประธานสภาฯ จะเป็นของพรรคเพื่อไทย สำหรับนโยบายที่ใช้หาเสียงกับประชาชน พรรคเป็นผู้ทำนโยบายและจะนำนโยบายทั้ง 5 นโยบาย เข้าไปเสนอให้สภาฯ พิจารณา และนำไปสู่การปฏิบัติงานของผู้ว่าฯ กทม. ต่อไป
ด้าน นายชัยธวัช กล่าวถึงการจัดวางตัวบุคคลที่เหมาะสมในการเข้าไปทำหน้าที่ในสภากรุงเทพฯ ทั้งประธาน รองประธาน และคณะกรรมการต่างๆ ต้องรอความชัดเจนหลังจากที่กกต. รับรองสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ทุกคนอย่างเป็นทางการแล้ว ส่วนประธานสภาฯ สมาชิกสภากรุงเทพฯ ของพรรคก้าวไกล จะเสนอสมาชิกสภากรุงเทพฯ ของพรรคเพื่อไทย
ด้าน นายวิโรจน์ กล่าวว่า สำหรับ 12 นโยบายเพื่อสร้างเมืองให้คนเท่ากัน ส่วนตัวได้หารือกับว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. แล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และคงจะมีการพิจารณาร่วมกัน โดยมีหลายเรื่องที่เห็นตรงกัน และการทำงานสามารถผลักดันได้ทั้งการจัดสรรงบประมาณ และการแก้ไขข้อบัญญัติ เช่น เรื่องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) การถ่ายทอดสดสภากรุงเทพมหานคร และการผลักดันให้กทม. ลงนามในข้อตกลงกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน
ทั้งนี้ การทบทวนเรื่องการแก้ไขข้อบัญญัติ เป็นการป้องกันมิให้นิติบุคคลและนายทุนใหญ่หลบเลี่ยงภาษีที่ดิน ซึ่งขณะนี้เป็นประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจ ในส่วนของงบประมาณจะกระจายงบประมาณให้ประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นนโยบายที่ตรงกับว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. นอกจากนี้ ยังมีการทบทวนงบผูกพันปี 66 อยู่ที่ 27,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้กทม. ขยับโครงการต่างๆ ได้ค่อนข้างจำกัด
ในส่วนของงบการระบายน้ำ ก็ต้องมีการทบทวนและจัดสรรใหม่ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับประชาชน นอกจากนี้ ยังมีเรื่องงบที่ใช้ในการปรับปรุงการจัดเก็บขยะ งบในการดูแลผู้สูงอายุ โดยเฉพาะเรื่องวัคซีนปอดอักเสบ ก็จะมีการหารือเรื่องงบประมาณ และจะขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ผ่านสภากรุงเทพฯ ต่อไป