นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณปีนี้ไม่ตอบโจทย์ ผิดฝาผิดตัว ติดกับดัก และโกหกหลอกลวง เพราะมีการตัดงบประมาณในส่วนที่จะเป็นการช่วยเหลือประชาชน แต่กลับไปเพิ่มในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง
"ท่านบริหารผิดพลาดมาโดยตลอด วันนี้มาขอเงินไปบริหารต่อ แต่ทิศทางยังหลงเข้ารกเข้าพง คนไทยไม่มีความหวังที่จะพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ อย่ามาอ้างว่าการที่ฝ่ายค้านจะไม่ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ จะทำให้เกิดทางตันเป็นเรื่องเท็จ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้นำกรอบงบประมาณปีก่อนมาใช้ได้ไปพลางก่อน จะไม่มีสูญญากาศเกิดขึ้น การแก้ไขในชั้นกรรมาธิการไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลง วันนี้คนขับรถพาเราเลี้ยวเข้าซอยตัน ต้องเลี้ยวกลับมาปากซอยแล้วเปลี่ยนคนขับรถใหม่" นายจุลพันธ์ กล่าว
หากย้อนกลับไปในอดีตพบว่ามี พ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่เสนอโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกือบ 10 ฉบับ วงเงินรวมราว 30 ล้านล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเงินกู้เพื่อชดเชยขาดดุล 5 ล้านล้านบาท รัฐบาลอยู่ในภาวะหมดสภาพที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศ
สิ่งที่จะเป็นเครื่องชี้วัดผลงานของรัฐบาลในอดีตต้องย้อนไปดูเรื่องอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่อยู่ในลำดับรั้งท้ายประเทศอื่นในภูมิภาค, เกิดวิกฤตหนี้ ทั้งหนี้ครัวเรือน หนี้นอกระบบ หนี้สาธารณะเพิ่มจาก 4 ล้านล้านบาท เป็น 10 ล้านล้านบาท โดยมีการขยายเพดานกรอบหนี้สาธารณะจาก 60% เป็น 70% ของจีดีพี, ปัยหาคนว่างงาน, จำนวนคนยากจนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
"รัฐบาลติดบ่วงกรรมตัวเอง ทำให้ขาดดุลเกือบติดเพดาน การจัดเก็บรายได้พลาดเป้า สุดท้ายรัฐบาลก็จะไปหาช่องทางในการขูดรีดจากประชาชน" นายจุลพันธ์ กล่าว
การแก้ไขปัญหาเรื่องราคาพลังงานที่เป็นผลพวงจากสถานการณ์ในยูเครนของรัฐบาลผิดพลาดมาโดยตลอด เพราะการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลไม่ได้ช่วยเหลือประชาชน แต่ทำเพื่อแก้ไขของตัวเอง ลดภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือนแรกของปี 65 พบว่ามีอัตราเงินเฟ้อสูงสุดในภูมิภาค ความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยลดลงในรอบ 10 ปี และภาคส่งออกเริ่มชะลอตัว