ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง นัดแรกมีมติเลือกนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เป็นประธาน และมีรองประธาน 4 คน ประกอบด้วย นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ ส.ส.สุโขทัย พรรคพลังประชารัฐ, นายอนันต์ ศรีพันธุ์ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย, นายกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และ นายธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข
จากนั้นที่ประชุมได้มีการอภิปรายแสดงความคิดเห็นต่อพืชกัญชาและกัญชงหลังมีการปลดล็อกอย่างเป็นทางการ โดยนายกนก วงษ์ตระหง่าน ในฐานะรองประธาน กมธ. กล่าวว่า พืชกัญชาและกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของประเทศ โดยเฉพาะการสร้างรายได้ แต่การให้กัญชาและกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจจะต้องไม่เป็นประโยชน์เฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้น ควรส่งเสริมและเปิดโอกาสให้เกษตรกรฐานรากได้รับประโยชน์จากพืชเศรษฐกิจชนิดนี้อย่างเต็มที่ ไม่ปล่อยให้กลุ่มทุนใหญ่ได้ผลประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว เพราะจะเป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
ส่วนเรื่องสันทนาการที่มีความเป็นห่วงว่าจะส่งผลต่อกลุ่มเยาวชนนั้น เห็นว่าในข้อเท็จจริงวันนี้หลายพื้นที่ หรือบางเวลา มีการใช้กัญชา กัญชงอยู่แล้ว จึงเสนอว่าเพื่อประโยชน์ทางการท่องเที่ยว ควรยกเว้นให้เฉพาะบางพื้นที่ เช่น กิจกรรมฟูลมูนปาร์ตี้ที่เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี หรือที่ จ.ภูเก็ต เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าใช้เต็มไปหมดเพียงแต่ไม่จับกันเท่านั้นเอง ดังนั้นก็ควรทำให้ถูกต้องตรงไปมา
"ถ้าให้เขาใช้เต็มที่ไปเลยวันเดียว ผมคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมากมายนัก จึงขอเสนอไอเดีย กำหนดเป็นพื้นที่เฉพาะในบางเวลา เพื่อประโยชน์ในการสันทนาการและการท่องเที่ยว" นายกนก กล่าว
ด้านนางพรรณสิริ กุลนาถศิริ รองประธาน กล่าวว่า เวลานี้ควรให้ความสำคัญและส่งเสริมกัญชาทางการแพทย์และการดูแลเป็นหลัก เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน เพราะสังคมตั้งคำถามมากมายต่อการปลดล็อกพืชกัญชา ส่วนตัวมองว่าการพูดเพียงปลดล็อกกัญชาเป็นเรื่องที่น่าตกใจ และเป็นคำที่มีผลกระทบมากมายต่อสังคม ทำให้สังคมลืมวัตถุประสงค์ทางด้านการแพทย์
นอกจากนี้สังคมยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับการปลดล็อกกัญชง ทั้งที่มีการใช้ประโยชน์จากเส้นใยในการทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ อีกทั้งยังมีสาร CBD ที่เป็นประโยชน์ ควรที่จะผลักดันในทางเศรษฐกิจให้มีความชัดเจน
นางพรรณสิริ กล่าวว่า ควรมีกฎหมายขึ้นมาสร้างความสมดุลระหว่างการนำไปใช้ประโยชน์กับการควบคุมป้องกันไม่ให้ใช้ในทางที่ผิด ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน และทำให้สังคมมีจุดยืนต่อการใช้ประโยชน์จากกัญชาและกัญชงที่ชัดเจน
ขณะที่นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษก กมธ. กล่าวว่า ความกังวลที่เกิดขึ้นในช่วงสุญญากาศเวลานี้ อีกด้านหนึ่งก็ทำให้เห็นประโยชน์จากความพยายามของประชาชนที่ต้องการเข้าถึงระบบจดแจ้งของกระทรวงสาธารณสุขมากกว่า 30 ล้านครั้ง และมีการนำต้นกัญชาออกมาปลูกอย่างเปิดเผย แสดงให้เห็นว่าคนไทยมีการปลูกพืชกัญชาอยู่แล้วจำนวนมาก เพียงแต่ที่ผ่านมากลับไม่มีการยอมรับความจริง นอกจากนี้ยังพบว่า ปัจจุบันประชาชนยังไม่เข้าถึงข้อมูลของรัฐ โดยเฉพาะข้อมูลตำราทางการแพทย์ต่างๆ ที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากพืชกัญชาได้ ส่วนการสูบกัญชาในทางแพทย์แผนไทยพบว่าเป็นวิธีการรักษาและบำบัดอย่างหนึ่ง ตามภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนไทยที่มีการใช้กัญชาเป็นวัฒนธรรมและจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยังไม่ปรากฎว่ากัญชาจะเป็นสารที่สามารถก่อมะเร็งได้ แต่พบข้อมูลการก่อมะเร็งจากการเผาไหม้เท่านั้น