พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดงานเปิดตัวนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่กลับมาร่วมทำงานการเมืองในโครงการครอบครัวเพื่อไทย โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ให้การต้อนรับ
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า หลังเปิดตัวโครงการครอบครัวเพื่อไทย เพื่อลดช่องว่างระหว่างประชาชนกับพรรคการเมืองให้หมดไป ผ่านมาได้ 3 เดือน มีประชาชนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ทำให้รู้ว่าต้องทำให้บ้านเมืองแข็งแรง หยุดล้าหลัง เสียเวลากับเผด็จการ ด้วยการระดมคนที่มีอุดมการณ์รักประชาธิปไตยมาร่วมกัน และมั่นใจว่านายณัฐวุฒิจะเข้าเป็นกำลังสำคัญในการรวบรวมคนเสื้อแดง เพื่อนำไปสู่ผลเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์
นายณัฐวุฒิ กล่าวภายหลังร้องเพลงสื่อสารถึงกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ไม่ว่าวันเวลาและสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ขอยืนยันว่าตนยังเป็นคนเสื้อแดง โดยวันนี้จะร่วมทำงานคู่ขนานไปกับพรรคเพื่อไทยต่อสู้ในสนามเลือกตั้ง เพื่อช่วงชิงอำนาจคืนมาจากรัฐบาลเผด็จการ เพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้ประเทศชาติ ประชาชนได้ลืมตาอ้าปาก ซึ่งเป็นภารกิจที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน
"นี่เป็นพันธะสัญญาที่เราจะยืนยันร่วมกันตรงนี้ว่า ไม่มีเวลาให้กับรัฐบาลเผด็จการนี้ได้สืบทอดอำนาจอีกต่อไป" นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงสาเหตุที่ตัดสินใจกลับมาทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทย เพราะถือว่าที่นี่คือบ้าน แม้ตลอด 10 ปีที่ทำงานการเมืองจะสังกัดหลายพรรค ไม่ได้เป็นการโยกย้ายด้วยการขายอุดมการณ์ แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงถูกยุบพรรค แม้การอยู่ในพรรคเพื่อไทยในอดีตจะมีปัญหาความขัดแย้งกันบ้าง ที่ผ่านมาเคยถูกชักชวนไปทำงานกับพรรคการเมืองต่างๆ แต่ไม่ได้ไป และมีเป้าหมายต้องทำให้ชนะเลือกตั้งเกินครึ่งหรือ 250 เสียง เพื่อให้ ส.ว.ไม่กระทำสิ่งที่คัดค้านเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งในอดีตเคยเกิดขึ้นกับพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2548 และพรรคเพื่อไทยในปี 2554
"ผมไม่ได้มาเล่นๆ ผมเททั้งใจเพื่อภารกิจนี้ และผมจะทำสุดความสามารถให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งให้ได้" นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในการทำงานไม่ต้องการเผชิญหน้าหรือขัดแย้งกับพรรคการเมืองซีกประชาธิปไตย ขอให้ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองอยู่เต็มที่ ไม่มีอะไรที่ตัดขาดความสัมพันธ์ของคนเสื้อแดง แต่หลังจากเลือกตั้งเสร็จแล้วสามารถมาร่วมทำงานกันได้เหมือนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่ผ่านมา และตนจะทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยตลอดไปจนสุดเส้นทางประชาธิปไตย ตราบที่อุดมการณ์ของพรรคยังไม่เปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกันหากตนอุดมการณ์เปลี่ยนแปลงไปก็พร้อมให้เขี่ยออกจากพรรค
"แม้วันหนึ่งวันใดพรรคเพื่อไทยเปลี่ยนเส้นทางขัดต้องหลักการประชาธิปไตย ในทางการเมืองถือว่าสุดทางรัก เราจะปล่อยมือแยกทางกันตรงนั้น" นายณัฐวุฒิ กล่าว