นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวในงานเสวนาหัวข้อ "Stronger Bangkok ; Stronger Thailand" ว่า ปัญหาบ้านเมืองมาจากความขัดแย้งกัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกันแก้ไขปัญหา และช่วงนี้ถือเป็นโอกาสที่เหมาะสม ซึ่งการเลือกตั้งที่ผ่านมาคิดว่าทุกคนอยากให้การพัฒนา กทม.ดีขึ้น โดยไม่ได้คิดว่าเป็นฝ่ายใด เพราะเชื่อว่ากรุงเทพมหานครมีศักยภาพเป็นเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไน
สำหรับการส่งเสริมการท่องเที่ยวในขณะนี้พบว่ามีนักท่องเที่ยวอินเดียเพิ่มมากขึ้น ซึ่งน่าจะมีการหารือกับผู้เกี่ยวข้องในการจัดกิจกรรมรองรับตามความต้องการของนักท่องเที่ยว ส่วนนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางกลับมาคาดว่าน่าจะรออีกอย่างน้อย 2 ปี
ทั้งนี้ในช่วงเวลาเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมาพยายามทำงานอย่างเต็มที่ โดยมีเป้าหมายดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชน, เพิ่มประสิทธิภาพของเมือง และสร้างโอกาส ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคนที่สร้างเมืองเป็นภาคเอกชน ขณะที่ข้าราชการปรับตัวในการทำงานเร็วมาก นโยบายหาเสียงกว่า 200 เรื่องถูกแปลงไปสู่ภาคปฏิบัติหมดแล้ว
"คนชอบถามว่าภายใน 100 วันแรกจะมีผลงานใดที่เป็นรูปธรรม นั่นเป็นงานเฉพาะหน้า แต่ความจริงงานระยะยาวก็ต้องเริ่มทำก่อนเพราะกว่าจะเป็นผลจะกินเวลานาน" นายชัชชาติ กล่าว
โดยบางงานมีความคืบหน้าไปมาก เช่น การปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวที่มีภาคเอกชนจองเป็นเจ้าภาพเกือบครบ 1 ล้านต้นแล้ว ซึ่งงานนี้จะใช้งบประมาณไม่มาก เป็นแค่กล้าไม้ราว 20 ล้านบาท ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้นอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียด ซึ่งพบว่าจะมีการส่งมอบโครงการให้ กทม.ในปี 72 แต่มีการว่าจ้างเอกชนเดินรถส่วนต่อขยายไปถึงปี 85 หากค่าจ้างแพงก็ต้องเก็บค่าโดยสารไม่ให้ขาดทุน ซึ่งต้องให้เกิดความเป็นธรรมทั้งผู้ประกอบการและประชาชน
"กทม.ต้องปรับ mind set ในการลงทุนน้อยแต่ได้เยอะ ผมเปลี่ยนความคาดหวังมาเป็นความร่วมมือ ทุกคนช่วยกัน วินจักรยานยนต์รับจ้างช่วยกันกวาดขยะรอบๆ ที่ตัวเองอยู่ก็ลดขยะไปได้เยอะแล้ว" นายชัชชาติ กล่าว
ส่วนการไลฟ์เวลาลงพื้นที่ทำงานเพื่อให้สื่อสารเข้าถึงประชาชนว่าการทำงานมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง และมีโอกาสได้พบเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มาบอกว่าดูไลฟ์แล้วหายอาการโรคซึมเศร้า ซึ่งตนคิดว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก และน้อมรับคำทุกคำติชมเพื่อนำไปปฏิบัติ
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ (SIRI) กล่าวว่า ภาคเอกชนยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการพัฒนา กทม.ให้สวยงาม โดยไม่ต้องเกรงใจหรือเกรงกลัวที่จะเจรจากับภาคเอกชน เพราะผลตอบแทนที่ภาคเอกชนจะได้รับกลับมาคือภาพลักษณ์ของเมืองที่ดีขึ้น และคิดว่าแนวทางการทำงานของผู้ว่าฯ มาถูกทางแล้ว
ส่วนการฟื้นตัวด้านท่องเที่ยวต้องมีการเตรียมความพร้อมที่จะรองรับ ซึ่งคิดว่ายังต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวจีน แต่อยากให้ภาครัฐยกเลิกเรื่องการออกวีซ่าที่อ้างเรื่องความมั่นคง
"ท่าทีของผู้ว่าฯ ชัชชาติเป็นความหวังของคนกรุงเทพฯ เป็นบริบทใหม่ในการทำงานและภาวะผู้นำ" นายเศรษฐา กล่าว