พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโดยทันที โดยระบุว่า เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ทุเลาเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด จนรัฐบาลได้เตรียมประกาศให้โรคดังกล่าวเป็นโรคประจำถิ่น และยังได้ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ลงเป็นลำดับ เช่น การเปิดให้มีการเดินทางระหว่างประเทศ โดยไม่ต้องตรวจคัดกรองเพียงแต่ให้แสดงหลักฐานการได้รับวัคซีน การเปิดโรงเรียนทั่วประเทศ การเปิดให้ทำกิจกรรมต่างๆ ที่มีคนจำนวนมาก รวมถึงการเปิดสถานบันเทิง เป็นต้น กรณีนี้ย่อมถือว่าสถานการณ์ฉุกเฉินได้สิ้นสุดลงแล้ว นายกรัฐมนตรีจึงต้องประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินทันที ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
ทั้งนี้ การยังคงข้อห้ามในการชุมนุมทางการเมืองไว้ นอกจากไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว ยังเป็นเหตุผลทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีเอง ที่ไม่ต้องการให้มีการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งถือเป็นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในทางการเมืองจำกัดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน และนอกจากการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว ควรที่จะมีมาตรการในการยุติการดำเนินคดีกับเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทุกคนที่ถูกดำเนินคดี เพราะการฝ่าฝืนข้อกำหนดในมาตรา 9 ด้วย เนื่องจากทุกคนที่ออกมาชุมนุมล้วนไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อประเทศ แต่ส่วนใหญ่เพราะต้องการแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์การบริหารประเทศของรัฐบาลเท่านั้น จึงไม่ควรที่จะต้องถูกดำเนินคดีเพราะเหตุดังกล่าว
อย่างไรก็ดี เมื่อมีการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว รัฐบาลยังมี พ.ร.บ.ควบคุมโรค ที่จะสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ ซึ่งการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังเป็นการสร้างความมั่นใจ และสร้างบรรยากาศของการท่องเที่ยวและการลงทุนอีกด้วย
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า การคงอยู่ของประกาศดังกล่าว ทำให้เกิดความความยากลำบาก โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งเดิมการออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น เพื่อควบคุมโรคโควิด-19 แต่ขณะนี้โรคดังกล่าวกำลังจะเป็นโรคประจำท้องถิ่นแล้ว การคงประกาศจึงไม่มีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูประเทศ หรือรัฐบาลต้องการเพียงรักษาไว้ซึ่งอำนาจ ดังนั้น พรรคเพื่อไทยขอให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน