นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และพรรคการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีที่ประชุมร่วมรัฐสภาให้ความเห็นชอบสูตรการคำนวณจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อในระบบจัดสรรปันส่วนผสมว่า ภายใต้ระบบนี้ พรรคที่ชนะในระบบเขตมาก จะได้บัญชีรายชื่อน้อยลง ส่วนพรรคที่แพ้เลือกตั้งในระบบเขต หากมีคะแนนนิยมในบัตรใบที่สองมาก จะได้รับการจัดสรร ส.ส. ในระบบบัญชีรายชื่อมาก
ทั้งนี้ พรรคก้าวไกล อาจเป็นพรรคที่ได้ประโยชน์จากระบบนี้มากที่สุด โดยอาจมี ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ถึง 30 คน
ส่วนพรรคเพื่อไทย แม้ว่าจะได้บัญชีรายชื่อน้อยลง แต่จะไม่ถึงขนาดเป็นศูนย์ เพราะคราวก่อนเป็นระบบบัตรใบเดียว และพรรคเพื่อไทยส่งผู้สมัครเพียง 2 ใน 3 ของจำนวนเขตทั้งหมด หากคราวนี้ส่งลงครบ 400 เขต น่าจะมี ส.ส.บัญชีรายชื่อได้จำนวนหนึ่ง
สำหรับพรรคเล็ก อย่าเพิ่งคิดว่าจะได้อานิสงส์จากระบบนี้ เนื่องจากเค้กก้อนเล็กลง ดังนั้นแม้คะแนนเฉลี่ยเบื้องต้นคือ ประมาณ 70,000 คะแนน แต่การคำนวณ จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อจากทุกพรรคในรอบแรก จะเกินจำนวน 100 คน ดังนั้นต้องใช้บัญญัติไตรยางค์ เพื่อปรับให้ลงมาเป็นร้อยคน คะแนนต่ำสุดจึงอาจสูงขึ้น โดยอาจต้องมีคะแนนเสียง 100,000 เสียงจึงจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน
ขณะที่ พรรครัฐบาล มีเวลาเหลืออีกราว 6-8 เดือน ในการสร้างคะแนนนิยมให้สูงขึ้น หากคะแนนนิยมดีขึ้นกลายเป็นพรรคใหญ่