น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล เป็นตัวแทนจากคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล นำรายชื่อประชาชนจำนวน 80,772 รายชื่อทั่วประเทศไทยร่วมแสดงพลัง ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 14 ว่าด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่น ปลดล็อกทุกพื้นที่ในไทยให้กำหนดอนาคตตัวเองได้ จากแคมเปญ "ขอคนละชื่อ #ปลดล็อกท้องถิ่น" มายื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนางผ่องศรี ธาราภูมิ คณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้แทนรับเรื่อง
การยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เป็นการแก้ไขหมวดว่าด้วยการกระจายอำนาจ ซึ่งมีประชาชนที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติแล้วจำนวน 80,772 รายชื่อ จากประชาชน 77 จังหวัดทั่วประเทศ และมีส่วนหนึ่งต้องนำออกไป เนื่องจากอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเข้าชื่อเสนอแก้ไขกฎหมายได้
ด้านนายพริษฐ์ กล่าวว่า เนื้อหาของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่นำมายื่น จะเป็นการปลดล็อกท้องถิ่นใน 3 เรื่อง คือ 1.การกระจายอำนาจให้เลือกผู้นำของตัวเอง ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นกระแสที่เกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่แต่ละจังหวัดเห็นว่าทำไมกทม.เลือกผู้นำของตนเองได้ ทั้งที่จังหวัดอื่น ๆ น่าจะมีโอกาสเช่นกัน 2.การกระจายงาน โดยเฉพาะงานสาธารณะที่ถูกตัดสินใจจากส่วนกลาง จะเป็นการปลดล็อกให้ท้องถิ่นมีอิสระการบริหาร โดยเฉพาะระบบสาธารณูปโภค และ 3.การกระจายงบประมาณ ที่ปัจจุบันพบว่าท้องถิ่นได้รับงบประมาณเพียง 29% จากทั้งหมด ไม่รวมงบฝากที่นำไปแปะไว้กับจังหวัดต่าง ๆ พบว่าจริง ๆ แล้วจังหวัดต่าง ๆ ได้รับงบประมาณเพียง 23% เท่านั้น
"การมายื่นครั้งนี้ คาดหวังว่าประธานรัฐสภา จะบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระพิจารณาของ ส.ส. และ ส.ว. เห็นชอบกับข้อเสนอของเรา ขออย่ามองว่าร่างดังกล่าวเป็นร่างของพรรคก้าวไกลหรือคณะก้าวหน้า แต่ให้มองว่าเป็นร่างของประชาชนทุกคน ไม่ว่าความคาดหวังในครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ จะผลักดันเรื่องการกระจายอำนาจต่อไป ซึ่งหวังว่าปรากฎการณ์ของร่างนี้ จะสะท้อนว่าการเมืองเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ เช่นเดียวกับร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ที่ได้รับความเห็นชอบจากสภาฯ" นายพริษฐ์ กล่าว