พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ชี้แจงในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า การอภิปรายของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ค่อนข้างจะรุนแรง และข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านในหลายเรื่องไม่ใช่ข้อเท็จจริง ซึ่งถ้าละทิ้งทิฐิ อคติ ผลประโยชน์ส่วนตัวไว้ข้างหลัง และคิดถึงผลประโยชน์ของคนในชาติเป็นที่ตั้ง มีความรัก ความสามัคคีกัน ปัญหาทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้หมดด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน
และเห็นว่าการอภิปรายครั้งนี้ ก็เหมือนทุกครั้งที่ตนและรัฐมนตรีได้ยินมาหลายครั้ง และพูดแต่เรื่องเดิมๆ แต่ก็พร้อมชี้แจงในทุกประเด็น
"นายกฯ ไม่ใช่คนที่รู้ทุกเรื่อง ไม่ได้เก่งทุกเรื่อง ไม่ได้ฉลาดที่สุด เหมือนบางคนที่ท่านบอกฉลาดที่สุด อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ปัญหาโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาว่า ได้รับการชื่มชมในสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการ และสามารถเปิดประเทศได้อย่างยั่งยืน ทำให้มีรายได้เข้าประเทศมากขึ้น ระบบเศรษฐกิจก็ดีขึ้น ซึ่งการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีนี้ มีนักท่องเที่ยวแล้ว 2.2 ล้านคน และโครงการไทยเที่ยวไทย 6.8 ล้านคน มีเงินหมุนเวียนในระบบ 4.3 แสนล้านบาท นี้คือผลงานรัฐบาล
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ย้อนกลับไป 10 กว่าปี ตนไม่ใช่คนที่ทำให้เกิดความขัดแย้งหรือวิกฤตต่างๆ และขอให้ย้อนกลับไปดูพฤติกรรม ย้อนกลับไปดูความผิดและคนที่ติดคุก และยืนยันตนไม่ได้ต้องการให้เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อเข้ามาบริหารประเทศก็ต้องการพลิกโฉมประเทศไทย ทั้งการประกาศวิสัยทัศน์ของประเทศไทย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ผลักดันยุทธ์ศาสตร์ชาติ 20 ปี และนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และส่งเสริม 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย พร้อมทั้งชี้แจงว่า ที่เคยบอกว่า 2 ปีไม่ใช่ต้องการขออยู่ในตำแหน่ง แต่หมายถึงนโยบายต่างๆ ที่วางไว้จะเริ่มเห็นผลออกมา
"ผมก็ทราบดี ว่าท่านชื่นชมคนที่ทำงานมาก่อน ดีกว่าผม ไม่เป็นไร ก็เอากลับมาให้ได้แล้วกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าการใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือใช้ทหารมาทำงาน หากมีความจำเป็นก็ต้องดำเนินการ ส่วนกลไกในสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก็มีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่รับผิดชอบอยู่ในคณะกรรมการทั้งหมด และไปตรวจสอบดูว่ามีทหารอยู่กี่คนในคณะกรรมการชุดที่ตั้งขึ้นมา ซึ่ง สมช.มีหน้าที่ดูแลความมั่นคง และภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ทุกๆ เรื่อง และมีหน้าที่ในการกำหนดยุทธศาสตร์
"คุณบริหารไม่เป็นเอง คุณไม่ใช้ เพราะคุณไม่ไว้ใจเขา ทุกวันนี้ ถ้าไม่มีทหารหรือตำรวจดูแล จะนั่งอยู่ตรงนี้ได้หรือไม่" นายกรัฐมนตรีกล่าว
ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ สินค้าราคาแพง ยากจนทั้งแผ่นดินนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคนทราบดีว่าสาเหตุเกิดจากอะไร และอยากให้ฝ่ายค้านเสนอแนวทางแก้ปัญหา ซึ่งรัฐบาลแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน หนี้ครู หนี้กยศ. ซึ่งรัฐบาลในอดีตเคยทำหรือไม่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดถึง 55 ล้านบัญชี ซึ่งไม่ใช่เป็นการซื้อเสียง แต่เป็นการช่วยผู้ที่มีปัญหาให้อยู่รอดได้ และพัฒนาไปสู่ความพอเพียงและยั่งยืนได้ และดูแลผู้ป่วยโควิดและวัคซีนต่างๆ ไปแล้ว 1.5 แสนล้านบาท
"สรุปแล้ว ที่ท่านพูดมาทั้งหมด ไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด และไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง ผมจำเป็นต้องพูดตรงนี้ เพราะท่านว่าผม ทำอะไรไม่สำเร็จสักเรื่อง ผมจำเป็นต้องชี้แจง และขอให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ท่านแรงมา ผมก็พยายามแรงน้อยกว่าท่าน เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าท่านต้องการให้ผมโมโห ให้เกียรติกัน ดูที่คำพูด ถ้าอยากได้รับเกียรติจากคนอื่น ก็ต้องให้เกียรติคนอื่น ถ้าโจมตีลักษณะให้ร้าย พูดจาส่อเสียด ดูแล้วไม่ใช่สุภาพบุรุษ ผมไม่อยากฟังในสภานี้ แต่ผมให้เกียรติสภา" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว