นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในประเด็นกัญชาเสรีว่า นโยบายเรื่องนี้ถือเป็นการกลัดกระดุมเม็ดแรกของรัฐบาลที่ผิดพลาด เพราะละเมิดต่ออนุสัญญาว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ 1961 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพิธีสาร 1972 ของ UNODC ที่เป็นกฎหมายระหว่างประเทศ และต้องมีกฎหมายภายในประเทศที่สอดรับกันด้วย
"มติสภาไม่ได้ให้ไปปลดล็อก ยังไม่ใช่การเปิดเสรี แต่กระทรวงสาธารณสุขไปออกประกาศปลดกัญชาออกจากยาเสพติกดประเภท 5 ทำให้กัญชาไม่เป็นยาเสพติดอีกต่อไป ละเมิดยูเอ็น ละเมิดสภาไทย" นายสุทิน กล่าว
ที่ผ่านมาแม้จะมีเสียงทักท้วงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐมนตรีบางคนในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่รัฐบาลยังคงดึงดันที่จะเปิดเสรีกัญชา โดยมีเหตุผลเพื่อรักษาความเป็นพรรคร่วมรัฐบาลจากพรรคภูมิใจไทยเอาไว้หรือไม่
บางคนอ้างว่าในต่างประเทศก็มีการละเมิดเช่นกัน คือ อุรุกวัย แคนาดา และสหรัฐในบางรัฐ ซึ่งกำลังถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะไม่เป็นที่ยอมรับจากประเทศมุสลิม ซึ่งขณะนี้ผู้นำอุรุกวัย และแคนาดา ออกมายอมรับแล้วว่าการเปิดเสรีกัญชาไม่คุ้มค่า
นายสุทิน กล่าวว่า การเปิดเสรีกัญชาตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.65 ขัดต่อรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 66 ซึ่งจะเห็นว่าขณะนี้มีการนำกัญชาออกมาวางขายข้างถนน การนำไปใช้เป็นส่วนผสมในขนมและอาหาร หลังจากนั้นองค์กรทางการแพทย์ องค์กรทางศาสนา และหน่วยงานภาครัฐ ได้ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกการออกประกาศเปิดเสรีกัญชา การที่รัฐบาลอ้างเรื่องกัญชาเพื่อการแพทย์และพืชเศรษฐกิจตัวใหม่อาจจะคำนวณถึงข้อดีและข้อเสียไม่เพียงพอ เพราะเสียงคัดค้านเห็นว่ามีผลเสียมากกว่าผลดี ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลส่งสัญญาณผิดให้ประชาชนเชื่อว่าเป็นของดีวิเศษ และยังไม่มีมาตรการควบคุมให้รัดกุมก่อนที่จะเปิดเสรี
"เมื่อท่านปลดล็อกแล้วไม่ควบคุมให้ดี ไม่ให้ความรู้ประชาชน ประชาชนยังไม่พร้อม ทำให้เกิดความผิดพลาด" นายสุทิน กล่าว
ในด้านเศรษฐกิจที่บอกว่าปลูกแล้วจะมีรายได้ดีนั้น ก่อนอื่นต้องรู้ว่าปลูกแล้วจะไปขายที่ไหน เพราะทั่วโลกถือว่าเป็นยาเสพติด หากส่งออกก็จะถูกจับทันที บางประเทศเริ่มห้ามคนของตัวเองเดินทางมาท่องเที่ยวแล้ว หากจะนำมาใช้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวก็จะได้นักท่องเที่ยวที่เป็นขี้ยา เพราะจุดขายเรื่องท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม สิ่งที่จะได้ตามมาคือปัญหาสังคม เพราะห้ามขายให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และห้ามสูบในที่สาธารณะ นั่นหมายความว่าสามารถปลูกเสพเองที่บ้านได้ ขณะที่สถานการณ์ยาเสพติดขณะนี้มียาบ้าแพร่ระบาดมากก็มีปัญหามากอยู่แล้ว ยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหายาเสพติดคือต้องให้ไกลยาเสพติด แต่รัฐบาลนี้ดำเนินการตรงกันข้าม เพราะเปิดทางให้เอายาเสพติดมาไว้หลังบ้าน
ล่าสุดมีกรณีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยมีการจัดตั้ง บมจ.เอสทีพี แอนด์ ไอ (STPI) ซึ่งเป็นบริษัทลูกในเครือซิโน-ไทยฯ ที่มีเครือญาติของตระกูลชาญวีรกูลเป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งแตกไลน์จากธุรกิจเหล็กมาเป็นธุรกิจกัญชง
ตนเองไม่ได้คัดค้านนโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์ของรัฐบาล แต่ต้องมีแนวทางที่ถูกต้อง ควบคุมให้อยู่ในวงจำกัด เพื่อไม่ให้นักลงทุนหลงทางและประชาชนเข้าใจผิด แต่วันนี้ถือว่าสายเกินไปแล้วที่ปลดล็อกกัญชาจนไม่มีการควบคุม ซึ่งจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี