นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวชี้แจงในการอภิปรายกรณีการควบคุมโรคโควิด-19 ว่า มีการดำเนินการตามลำดับขั้นตอนตั้งแต่ต้นมาจนถึงการฉีดวัคซีนให้ประชาชนกว่า 70% จนสามารถป้องกันการป่วยและเสียชีวิตได้ ดังนั้นจึงไม่ควรด้อยค่าวัคซีน ยา และเวชภัณฑ์ที่นำมาใช้งาน นำข้อมูลอันเป็นเท็จมานำเสนอ เพราะผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้วไม่พบเสียชีวิตและป่วยหนัก สามารถช่วยชีวิตของผู้ป่วยได้นับแสนราย ไม่มีปัญหาวัคซีนที่เหลือใช้งานจนหมดอายุแล้วต้องนำไปทิ้ง เพราะยังต้องใช้ฉีดกระตุ้นตอไป ไม่ใช่ฉีดแค่ 2 เข็ม
สิ่งที่ ส.ส.จะช่วยได้คือการออกไปเชิญชวนให้มาฉีดวัคซีนเพื่อให้ทุกคนปลอดภัย แม้โรคโควิด-19 ยังอยู่ สิ่งที่รัฐบาลขอร้องให้ประชาชนทำคือ ใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ ตามมาตรการสาธารณสุข
"ขอให้เว้นเรื่องสาธารณสุขไว้สักเรื่อง ถ้าจะขับเคี่ยวทางการเมืองขอให้เป็นเรื่องอื่น" นายอนุทิน กล่าว
ที่ผ่านมาองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดลำดับให้ประเทศไทยมีความมั่นคงทางสุขภาพเป็นอันดับที่ 5 จาก 195 ประเทศ และเป็นอันดับที่ 1 ในเอเซีย ส่วนการจัดหายารักษาโควิดอยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินที่ผู้ผลิตจะขายให้กับรัฐบาลเท่านั้น ซึ่งดำเนินการไปตามคำแนะนำของคณะแพทย์ที่ปรึกษาเนื่องจากมีผลรักษาหายไปตามอาการ และขณะนั้นยังไม่มียารักษาโควิด-19 เป็นการเฉพาะ
"เราต้องเชื่อสิ่งที่บริษัทฯ เสนอมา เพราะเป็นข้อมูลทางวิชาการที่เสนอมาให้ อย." นายอนุทิน กล่าว
หลังจากผ่านมาระยะหนึ่งมีการพัฒนาเวชภัณฑ์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น รัฐบาลก็ขอเจรจากับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนเปลี่ยนเป็น LAAB ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาได้ดีขึ้น และในการกินยารักษาโรคนี้จะต้องเป็นไปตามคำวินิจฉัยของแพทย์ ไม่ใช่ผู้ป่วยหรือญาติจะสามารถเลือกได้เอง และตนได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมระดับสูงที่จะรับมือกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ซึ่งหากการแก้ไขปัญหาของประเทศไทยล้มเหลวคงไม่ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่ตั้งศูนย์อาเซียนด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ (ACPHEED)
"ผมไม่มีความสามารถในการรักษาท่าน แต่สามารถบริหารจัดการให้มีการรักษาได้เป็นอย่างดี" นายอนุทิน กล่าว
รัฐบาลให้ความสำคัญในการดูแลเรื่องสุขภาพของประชาชน เช่น ผู้ป่วยโรคไตสามารถใช้สิทธิในการฟอกไตฟรีทุกรูปแบบ ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายครั้งละ 15,000 บาท/ครั้ง, ให้บริการผ้าอ้อมผู้ใหญ่ฟรี ซึ่งเป็นมาตรการที่จะช่วยให้คุณภาพด้านสาธารณสุขในระดับสูง
ส่วนนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์และสุขภาพเพื่อเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งไม่ขัดต่ออนุสัญญาฯ ของยูเอ็น โดยให้นำไปใช้เพื่อการแพทย์เท่านั้น ไม่มีเรื่องการนำไปใช้เพื่อนันทนาการ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขก็ปฏิบัติตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ประกาศของกระทรวงสาธารณสุขที่ออกมาครอบคลุมไม่ให้มีช่องว่างช่องโหว่ และการตรากฎหมายกัญชงกัญชาจะมีตัวแทนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณาให้ครอบคลุม
การใช้งานนั้นจะมีงานวิชาการยืนยันผลการใช้งานแล้ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยตนได้เข้ามาสานต่อแนวทางที่ริเริ่มไว้ ซึ่งจะช่วยลดภาระการนำเข้ายาจากต่างประเทศ กระบวนการผลิตก็ต้องมีการขออนุญาต และใช้งานตามคำวินิจฉัยของแพทย์
ในประเทศมาเลเซียเองกำลังศึกษาเรื่องกัญชงกัญชาเพื่อการแพทย์ ซึ่งหากเราลังเลอาจทำให้ล้าหลังกว่าประเทศอื่น เพราะเป็นสมุนไพรไทยที่มีประโยชน์มาช้านานแล้ว ส่วนการใช้เพื่อนันทนาการนั้นเชื่อว่าไม่มีรัฐบาลใดกล้าอนุญาตในเรื่องนี้ ในการพิจารณาแต่ละเรื่องนั้นได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่าการดำเนินนโยบายในเรื่องนี้ไม่ละเมิดยูเอ็น
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า การพิจารณา พ.ร.บ.กัญชงกัญชา จะมีมาตรการป้องกันการนำไปใช้งานผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งเบื้องต้นมีประกาศกระทรวงสาธารณสุขออกมาดูแลในเบื้องต้นแล้ว หากมีผู้ที่ใช้งานไม่ถูกต้อง เช่น นำช่อดอกไปใส่ในหม้อน้ำซุปจะมีโทษทั้งทางแพ่งและทางอาญา ซึ่งตนมั่นใจว่า จะสามารถควบคุมการใช้งานผิดวัตถุประสงค์ได้ แต่ได้พิจารณาแล้วว่าจะช่วยให้ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้กัญชาในการรักษาโรค
"เราไม่จำเป็นต้องทำตามประเทศอื่นๆ เราก็เป็นตัวของเรา ไม่ขัดข้อตกลง เราสามารถเดินหน้าต่อไปเพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัว สร้างงาน และสามารถส่งออกได้ ส่วนเรื่องส่งออกนั้นผู้ประกอบการจะมีตลาดของตัวเองอยู่แล้ว" นายอนุทิน กล่าว