นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วง 2 วันที่ผ่านมาว่า ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลต่างทำหน้าที่ได้ดีและอยู่ในกรอบ โดยใช้เวลาไปประมาณ 30 ชั่วโมง โดยบรรยากาศการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้าย ฝ่ายค้านมีบทบาทที่น่าพอใจตั้งแต่ผู้นำฝ่ายค้าน และ ส.ส. คนอื่นที่มีประเด็นข้อมูลใหม่ ทำการบ้านเพิ่มเติม โดยเฉพาะกรณีประเด็นใหม่ของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม แต่ยังไม่มีหมัดเด็ดที่จะสามารถนำไปสู่การร้ององค์กรอิสระหรือรัฐมนตรีชี้แจงไม่ได้
ในส่วนของรัฐมนตรีสามารถชี้แจงได้ในระดับที่น่าพอใจ แต่มีบางประเด็นที่ฝ่ายค้านจะรุกต่อในการยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อทำให้ประชาชนมั่นใจ และต้องติดตามการอภิปรายนายกรัฐมนตรีว่าฝ่ายค้านจะสามารถทะลวงหัวใจสำคัญในเรื่องการบริหารงานทุจริตคอร์รัปชั่นหรือไม่ ซึ่งประชาชนจับตา ถ้าเป็นเรื่องเดิมมั่นใจว่า นายกรัฐมนตรีจะชี้แจงและแสดงผลงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาได้
สำหรับการลงมติในญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายชินวรณ์ กล่าวว่า ต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง คือ 239 เสียง ซึ่งขณะนี้ฝ่ายค้านมี 224 เสียง รัฐบาลมี 253 เสียง ซึ่งส่วนตัวยังมั่นใจว่ารัฐบาลมีเสียงที่เป็นเอกภาพ แต่เรื่องตัวเลขไม่สำคัญเท่ากับประเด็นต่อเนื่องที่จะกระทบต่อทางการเมืองหรือไม่ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลจะมีการเปลี่ยนแปลงหลังการอภิปราย และจะส่งผลต่อความไม่ไว้วางใจจากประชาชนหรือไม่ ซึ่งต้องรอดูบิ๊กเซอร์ไพรส์จากฝ่ายค้านว่าจะเป็นเซอร์ไพรส์จากการลงมติ หรือข้อมูลในการอภิปราย โดยเฉพาะการอภิปรายนายกรัฐมนตรีในเวลาที่เหลืออยู่ ถ้าเป็นข้อมูลเก่าเชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะชี้แจงได้
รองประธานวิปรัฐบาล ปฏิเสธไม่รู้เรื่องที่จะมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางคนจะลงมติไม่ไว้วางใจนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ยอมรับว่าฝ่ายรัฐบาลอาจมีความเห็นต่างกันบ้าง ส่วนจะชอบหรือไม่ชอบเป็นเรื่องส่วนตัว เช่นเดียวกับฝ่ายค้านที่อาจจะมีงูเห่าเพิ่มขึ้นก็ได้ แต่ใครลงมติอย่างไรก็ต้องรับผิดชอบเอง อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าจะไม่มีผลกระทบอะไร เพราะประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองและ เป็นประชาธิปไตยที่สามารถแสดงความเห็นได้หลากหลาย