นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โดยพุ่งเป้าไปที่ประเด็นเรื่องการจงใจปล่อยปละละเลยให้เกิดการสร้างเครือข่ายทุจริตภายในกองทัพ ซึ่งได้ยกตัวอย่างความไม่โปร่งใส และส่อทุจริตในการประมูลโครงการต่างๆ ของกองทัพ ไม่ว่าจะเป็นโครงการอุทยานราชภักดิ์ ที่ จ.ประจวบคีรีขันธุ์ ซึ่งเมื่อประชาชนต้องการจะตรวจสอบความไม่ชอบมาพากล ก็กลับถูกปิดกั้นขัดขวางไม่ให้สามารถเข้าไปตรวจสอบได้
นอกจากนี้ ยังมีโครงการรื้อถอน-เคลื่อนย้ายอนุสาวรีย์พระยาพหลพลพยุหเสนา พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์, โครงการรื้อถอน และเคลื่อนย้ายอนุสาวรีย์จอมพล ป.พิบูลสงคราม พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์, โครงการสร้างแท่นประดิษฐานและปรับปรุงภูมิทัศน์ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ (ร.9) จ.ลพบุรี ซึ่งแต่ละโครงการล้วนมีความน่าสงสัยในขั้นตอนการเปิดประมูลหาผู้รับเหมา และเชื่อได้ว่าน่าจะเป็นการล็อกสเปคบริษัทผู้รับเหมาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่เปิดประกวดราคาเพียงแค่พิธีกรรมเท่านั้น
โดยนางอมรัตน์ ได้นำหลักฐานสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการดังกล่าวขึ้นมาแสดงต่อที่ประชุมสภาฯ ซึ่งพบว่ามี 2 บริษัท ที่ไม่ใช่บริษัทขนาดใหญ่ แต่มักจะได้เป็นผู้ชนะประมูลโครงการของกองทัพอยู่เป็นประจำ รวมถึงพบความผิดปกติในการนำเสนอราคา ที่มักจะใกล้เคียงกับราคากลางเป็นอย่างมาก ซึ่งส่อว่าเป็นการฮั้วประมูลหรือไม่
"มี 2 บริษัทที่มักจะได้รับงานในสังกัดของกลาโหมอยู่เป็นประจำ ราวกับว่าตั้งบริษัทมาเพื่อรับงานให้กองทัพ เป็นงานตั้งแต่หลักแสนบาท ไปจนถึงหลักพันล้านบาท เหมือนผูกปิ่นโตเป็นเจ้าประจำ มีการเสนอราคาไม่ต่างจากราคากลาง ทำให้เห็นว่าการยื่นซองเหมือนทำเป็นปาหี่ เสนอราคากันพอเป็นพิธี...การประกวดราคาในกองทัพ เป็นเพียงพิธีกรรม แต่แอบล็อกผู้รับเหมาไว้ล่วงหน้าแล้ว แบ่งงานไว้แล้ว ทำตัวเหนือกฎหมายกันจนเคยชิน ควรจะเรียกกองทัพว่ากองโจรดีหรือไม่ ท่านเป็น รมว.กลาโหม หรือเป็นหัวหน้ากองโจร" นางอมรัตน์กล่าว
โดยช่วงท้ายของการอภิปราย นางอมรัตน์ ได้หยิบกระจกขึ้นมาและบอกว่าขอมอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อที่เวลาจะชี้หน้าว่าใครว่าก่อความไม่สงบ, ไม่มีมารยาท, ไม่รักชาติบ้านเมือง ก็ขอให้มองคนที่สะท้อนอยู่ภายในกระจกนั้น
ด้านนายสมคิด เชื้อคง ส.ส. อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ได้กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ประเด็นสร้างความเหลื่อมล้ำเพื่อคนสนิท โดยระบุว่า นายกรัฐมนตรีที่มีหน้าที่ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการใช้อำนาจ ใช้เส้นสายแต่งตั้งให้บุตร 2 คน ของนายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เข้าทำงานเป็นตำรวจ โดยที่มีความรู้ความสามารถไม่ตรงกับตำแหน่งงาน ซึ่งไม่มีความยุติธรรมต่อผู้ที่สอบแข่งขันเพื่อเข้าเป็นข้าราชการตำรวจแบบถูกต้อง ในขณะที่มีเด็กจบใหม่ที่ขณะนี้ ตกงานอยู่กว่า 5 แสนคน
"นายกฯ ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถ เป็นผู้ที่พิการทางความคิด ลุแก่อำนาจ สร้างความเหลื่อมล้ำ" นายสมคิด กล่าว
ส่วนนายขจิต ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ ในเรื่องความผิดพลาดล้มเหลว โดยเฉพาะปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย บริหารล้มเหลวส่งผลให้เกิดความสูญเสียเป็นเงินกว่า 34,853 ล้านบาท ไร้ความสามารถ ไร้ความรับผิดชอบอย่างรุนแรงและไม่สามารถไว้วางใจให้บริหารประเทศอีกต่อไป โดยได้นำหยิบประเด็นคลองด่านมาชี้ให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์กับรัฐบาลชุดคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีมติจ่ายเงินให้เอกชนเป็นค่าโง่