นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โดยมุ่งประเด็นไปที่การจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพ โดยเฉพาะการจัดซื้อเรือดำน้ำ ของกองทัพเรือ และการจัดซื้อเครื่องบินรบ ของกองทัพอากาศ
โดยในส่วนของการจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีน จำนวน 2 ลำ ยังไม่รวมเครื่องยนต์ มีมูลค่ากว่า 22,500 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ประเทศจีนยังไม่สามารถจัดหาเครื่องยนต์ได้ทันตามกำหนดเส้นตายในเดือนส.ค.65 แต่ทั้งนี้ ในสัญญายังมีช่องว่างที่จะทำให้กองทัพเรือ สามารถบอกยกเลิกสัญญาได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าปรับ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ รมว.กลาโหม ก็ไม่ได้สั่งการให้กองทัพเรือบอกเลิกสัญญาดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการสูญเสียงบประมาณของประเทศได้
"พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ รมว.กลาโหม ขาดภาวะความเป็นผู้นำที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล เมื่อเกิดปัญหาเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์ ก็ไม่กล้าบอกเลิกสัญญา ทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศ" นายยุทธพงศ์ ระบุ
ในขณะที่การจัดซื้ออากาศยานไร้คนขับ (UAV) แบบไม่มีอาวุธ จากประเทศอิสราเอล จำนวน 3 ลำ มูลค่ารวม 4,100 ล้านบาท ถือเป็นการใช้งบประมาณโดยไม่จำเป็น เพราะการจัดซื้ออากาศยานไร้คนขับแบบไร้อาวุธ ก็เปรียบเสมือนการบินลาดตระเวณ ซึ่งเป็นภารกิจตามปกติของกองทัพอากาศ ซึ่งไม่จำเป็นต้องตั้งงบประมาณเพื่อมาจัดซื้ออากาศยานดังกล่าว อีกทั้งยังมีรายงานประสิทธิภาพของ UAV ว่าเคยประสบอุบัติเหตุตกใน 2 ครั้ง ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ปี 64 และที่ประเทศฟิลิปปินส์ ในปี 65
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการจัดซื้อเครื่องบินรบทางยุทธศาสตร์ (F-35A) จากสหรัฐอเมริกา ที่กองทัพอากาศตั้งงบประมาณไว้ในปี 66 อีกจำนวน 3 ลำ ซึ่งหากเป็นเครื่องบินเปล่าไม่ติดอาวุธ จะราคาลำละ 2,900 ล้านบาท หรือถ้าเป็นเครื่องบินติดอาวุธด้วย จะราคาลำละ 4,100 ล้านบาท ซึ่งผู้บัญชาการทหารอากาศ ระบุคุณสมบัติของเครื่องบินรบ F-35A Generation 5 ว่า มีคุณสมบัติที่ล่องหนได้ มีกล้องรอบทิศทาง และบินเร็วเหนือเสียงได้นาน
นายยุทธพงศ์ มองว่า กองทัพอากาศ ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องจัดซื้อเครื่องบินรบดังกล่าวในปีงบประมาณ 66 เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยประสบปัญหาภาระหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับสูงเกินกว่า 60% ของ GDP จนต้องขยายเพดานหนี้สาธารณะขึ้นไปถึง 70% นอกจากนี้ ขั้นตอนการจัดซื้อเครื่องบินรบดังกล่าว จะต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติจากสภาคองเกรสของสหรัฐฯ ที่ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 20 เดือน ถึงจะทราบว่าจะสามารถจัดซื้อได้หรือไม่
ดังนั้น จึงเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ควรสั่งให้กองทัพอากาศ ถอนเรื่องการจัดซื้อเครื่องบินรบ F-35A ออกจาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ปี 2566 ออกไป เพื่อจะได้ประหยัดงบประมาณของประเทศ และนำเงินงบประมาณไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนก่อน
"ตอนนี้ประชาชนติดโควิด ระลอก 6 วันละประมาณ 3 หมื่นกว่าคน แต่ไม่มียาดีๆ มารักษา ท่ามกลางที่ประเทศยังต้องเผชิญปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ข้าวของแพง น้ำมันแพง คนตกงาน จึงเห็นว่ารัฐบาลควรนำเงินงบประมาณมาเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ก่อนที่จะไปใช้งบจัดซื้อเครื่องบินรบ ซื้อเรือดำน้ำ ที่ยังไม่มีความจำเป็น...ผมจึงไม่อาจไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ บริหารราชการแผ่นดินได้อีกต่อไป" นายยุทธพงศ์ กล่าว