พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ว่า ได้มีการชี้แจงหลายครั้งแล้ว ซึ่งจะจัดซื้อได้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมาธิการงบประมาณจะเป็นผู้พิจารณา และการจัดซื้อก็มีเหตุผลถึงความจำเป็นและเร่งด่วน
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงการใช้อำนาจกับผู้เห็นต่างว่า ให้ใช้ความระวัดระวังให้มากที่สุดกับการบังคับใช้กฏหมาย และหากเรื่องใดสามารถแจ้งเตือนได้ก่อนก็ให้ทำ โดยเฉพาะกับกลุ่มเยาวชน เพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดี ส่วนเรื่องสิทธิมนุษยชน ยืนยันว่าได้ให้สิทธิเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้มีการบังคับใช้กฏหมาย แต่ก็มีผ่อนหนักผ่อนเบามาโดยตลอด
พร้อมยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักเรื่องสปายแวร์ เพกาซัส และไม่จำเป็นต้องเสียงบประมาณเพื่อมาตามเรื่องแบบนี้ เพียงแต่ติดตามในโซเชียลก็เห็นข้อมูลทั้งหมด
"ทำไมการเคลื่อนไหวพวกนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ ที่มีรัฐบาลในช่วงนี้ และมีพรรคการเมืองบางพรรคที่เข้ามาอยู่ตรงนี้ เป็นเรื่องอันตรายที่สุด ผมคิดแบบนั้น คนไทยทั้งประเทศคงมองออก ไม่ว่าจะเป็นการพูดจาในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัย เพื่อทำลายระบบของเราทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด ผมคิดว่าคนไทยคงไม่ยอม ถ้าจะโทษเจ้าหน้าที่ทำโน้นทำนี้ คงไม่ได้ เพราะท่านเริ่มทำเอง กฏหมายทุกฉบับ ผมไม่ได้กำหนดขึ้นมาใหม่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงการดูแลตามแนวชายแดนและน่านฟ้าว่า จะดูแลให้ดีที่สุด แต่จะให้ถูกใจทุกคนคงจะไม่ได้ เพราะตนไม่ได้ทำงานคนเดียว แต่ทำงานด้วยระบบ ด้วยความร่วมมือ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามแต่ ก็ถือเป็นเพื่อนบ้านของเรา ส่วนเรื่องกิจการการเมืองเป็นเรื่องภายในประเทศนั้นๆ จึงขอให้ระวัดระวังในการแสดงความเห็นด้วย และหากเกิดกรณีมีกระสุนจากประเทศเพื่อนบ้านตกฝั่งไทย ทางเจ้าหน้าที่ไทยใช้กระสุนควันเตือนไป และหากยังฝ่าฝืนอีก ก็มีการใช้กระสุนจริงเตือนไป
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่อยากให้มีการพาดพิงบุคคลภายนอกให้เกิดความเสียหาย พร้อมเตือนให้ทุกคนรับผิดชอบที่พูดด้วย และตนไม่สามารถไปสั่งการเจ้าหน้าที่ให้ไปจับใครหรือไปฟ้องใครได้ ถ้าไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน