นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรคเพื่อไทย และแกนนำพรรคประชาชาติ ร่วมแถลงภายหลังการลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ว่า สำหรับผลการลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เป็นความชัดเจนว่าสภาฯได้ไว้วางใจให้รัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย ซึ่งต้องยอมรับผลการตัดสินครั้งนี้ตามกลไกรัฐสภา แต่รัฐสภาในปัจจุบันมีความแปรปรวนด้วยปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการลงคะแนนค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ดี ขอแสดงความเสียใจกับประชาชน เพราะผลที่ออกมาสวนทางกับผลการลงคะแนนของคณะราษฎร และการลงคะแนนผ่านสื่อช่องต่างๆ นั่นหมายความว่าคะแนนของประชาชนที่ลงคะแนนโดยตรง แตกต่างจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นตัวแทนของประชาชนอย่างชัดเจน ดังนั้นอยู่ที่ประชาชนว่าจะร่วมกันพิจารณาอย่างไร
"สิ่งที่ฝ่ายค้านทำวันนี้ และตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา เราทราบอยู่แก่ใจว่าเราสู้เสียงในสภาไม่ได้ แต่หวังศรัทธาประชาชน การเด็ดหัว สอยนั่งร้าน ยุทธการนี้ไม่ได้พ่ายแพ้ แต่จะเกิดขึ้นจริงเมื่อมีการเลือกตั้ง" หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว
ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผลการโหวตที่ออกมา แม้จะเป็นไปตามที่หลายคนคาด แต่ตนรู้สึกผิดหวัง เพราะการลงคะแนนไม่สอดคล้องกับผลโหวตของประชาชนที่แสดงออกมาภายนอก อย่างไรก็ดี เมื่อเสียงในสภาออกมาเช่นนี้ก็ต้องยอมรับกันไป ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยยังมีภารกิจยิ่งใหญ่คือการเลือกตั้งครั้งต่อไป ที่ประชาชนจะได้แสดงประชามติออกมาอีกครั้งว่าจะไว้วางใจ หรือไม่ไว้วางใจรัฐบาล
นายประเสริฐ มองว่า จากการลงมติครั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าคะแนนของรัฐมนตรีทั้ง 11 คนมีความแปรปวน แสดงให้เห็นถึงความไม่มีเอกภาพของรัฐบาล และหลังจากนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะทำงานอย่างหนักเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนต่อไป และเนื้อหาที่ได้อภิปรายไปนั้น ทางพรรคฯ กำลังรวบรวมหลักฐานที่ชี้ให้เห็นถึงการทุจริต และจะนำไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงองค์กรอิสระที่ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวเสริมว่า คะแนนที่ออกมาตนไม่ได้ผิดหวัง เพราะคาดไว้แต่ต้นอยู่แล้ว และคะแนนที่ออกมาแม้รัฐมนตรีจะผ่านทั้งหมด แต่มีจุดที่น่าสังเกต เช่น คะแนนงดออกเสียง ซึ่งถือว่าโน้มเอียงมาทางฝ่ายไม่ไว้วางใจ และความลดหลั่นของคะแนนก็บ่งบอกสถานการณ์หลายอย่าง เชื่อว่าพอรายละเอียดออกมาจะวิเคราะห์กันได้
"ความสำเร็จในการอภิปรายครั้งนี้ คือทำให้ประชาชนได้เห็นในสิ่งที่ไม่เห็น ได้รู้ในสิ่งที่ไม่รู้ และระบบรัฐสภาจะเป็นที่พึ่งที่หวังต่อไป ใครเข้ามาเป็นรัฐบาล ใครเข้ามาทำงานที่นี่ ไม่ใช่คิดจะทำอะไรได้ง่าย ๆ แม้จะรอดพ้นจากการยกมือ แต่รัฐมนตรีทุกคนได้รับโรคติติง จะที่จะติดต่อไปกับหลายคน ความกังขาจะติดตัว และอาจมีผลไปถึงการเลือกตั้ง และสิ่งที่ไม่อยากให้มองข้าม คือเมื่อโหวตกันเสร็จสิ้น หลายอย่างจะขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรม" ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าว
พร้อมระบุว่า หลังจากการอภิปรายครั้งนี้ จะมีการยื่นดำเนินคดีกับหลายคน รวมถึงอาจมีกรณียื่นยุบพรรคด้วย และขอให้กำลังใจประชาชนว่าไม่ต้องผิดหวัง ขอให้มั่นใจว่าระบบนี้ดีกว่าไม่มีรัฐสภา ไม่มีระบบการถ่วงดุลตรวจสอบ ระบบนี้ยังเป็นที่พึ่งหวังของประชาชนได้ดีกว่าระบบอื่น