พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า เมื่อ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ไปตั้งพรรครวมแผ่นดิน ก็ได้แต่ให้กำลังใจให้ต่อสู้เรื่องการเมืองเพื่อประเทศชาติ โดยไม่ได้มีคำแนะนำใดเป็นพิเศษ
ส่วนที่ พล.อ.วิชญ์ ตั้งเป้าไว้ว่าจะได้ ส.ส.จำนวน 25 ที่นั่งจะทับซ้อนกับ พปชร.หรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะไปเอามาจากที่ไหนบ้าง แต่เมื่อรู้จักกับ พล.อ.วิชญ์ ก็ย่อมเป็นพันธมิตรกันอยู่แล้ว และต้องไปถาม พล.อ.วิชญ์ ด้วยว่าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยหน้าด้วยหรือไม่ ซึ่งตนเองไม่รู้ สื่อคงจะมาถามตนไม่ได้
ส่วนความมั่นใจหลังมีพรรคใหม่เกิดขึ้นแบบนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ต้องมั่นใจ ถ้าไม่มั่นใจจะอยู่พรรคพลังประชารัฐทำไม เพราะตั้งพรรคมา 3-4 ปีแล้ว ส่วนการลงพื้นที่จังหวัดหนองคายไปปราศรัยใหญ่ถือเป็นการปักธงหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไปทั่วประเทศ เมื่อวานก็ไปจังหวัดสกลนคร และอาทิตย์หน้าไปภาคใต้ จ.พังงา และ จ.ตรัง ซึ่งกระแสตอบรับดีมีประชาชนมาร่วมรับฟังจำนวนมาก
พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า ไม่กังวลกรณีการยื่นตีความดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกรัฐมนตรี และไม่มีการเตรียมแผนสำรอง และจากที่ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้กังวลอะไร นายกรัฐมนตรียังคงหัวเราะตลอด ไม่ได้เครียด แต่จะเครียดเมื่อเจอนักข่าว
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธตอบคำถามว่า พร้อมเป็นนายกฯ รักษาการหรือไม่หาก พล.อ.ประยุทธ์ ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่เนื่องจากครบ 8 ปี ก่อนจะขึ้นรถออกจากทำเนียบรัฐบาลทันที
ขณะที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์อาจครบวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีในวันที่ 24 ส.ค.65 ว่า น่าจะมีผู้ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบอยู่แล้ว ซึ่งคงต้องรอดู เพราะเราไม่สามารถที่จะไปคิดแทนศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งส่วนตัวไม่ได้กังวลในเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เราเป็นฝ่ายปฏิบัติการไม่มีส่วนในชุดวางแผน
การที่ พปชร.มีบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีเป็นแคนดิเดตเพียงคนเดียวจะมีปัญหาหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า อย่าไปคิดขนาดนั้น เพราะต้องรอดูว่าศาลตัดสินอย่างไร แม้มีนักวิชาการออกมาแสดงความเห็นกันเยอะ แต่ท้ายที่สุดก็อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ หากนายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งไปจะทำอย่างไร นายสุชาติ กล่าวว่า ตอนนี้อยู่กับรัฐบาลก็ต้องคิดในสิ่งที่ดี ซึ่งทุกพรรคการเมืองก็เริ่มขยับตัวลงพื้นที่ในจังหวัดต่างๆ ส่วนกระบวนการยุติธรรมก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ ฝ่ายปฏิบัติก็ต้องไปทำเขตเลือกตั้งของตัวเองซึ่งก็ทำหน้าที่กันไป