นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีหากส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านไม่ร่วมเป็นองค์ประชุมสภาฯ และทำให้สภาฯล่ม จะถือว่าผิดจริยธรรมหรือไม่ว่า เป็นเกมในทางสภาฯ ที่เคยใช้กันมาเสมอ เช่น วอล์คเอาท์หรือทำให้องค์ประชุมไม่ครบ
"ผมคิดว่ายังไม่ถึงขั้นจะบอกว่าผิดจริยธรรม เพราะเป็นอาวุธของสภาฯที่จะใช้ในการคัดค้านสิ่งที่ตนไม่เห็นด้วย เหมือนกับการเดินออกหรือนั่งอยู่แต่ไม่ยอมยกมือ ฉะนั้นเรื่ององค์ประชุมคงจะถือว่าเป็นเรื่องจริยธรรมยาก แม้จะน่าตำหนิก็ตาม"นายวิษณุ กล่าว
ส่วนการยื่นตีความดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมที่มีการยื่นทางช่องทางผู้ตรวจการแผ่นดินและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายวิษณุ กล่าวว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ถือเป็นช่องทาง เพราะสุดท้ายต้องยื่นต่อไปที่กกต. ซึ่งช่องทางมีอยู่ 2 ช่องทางเท่านั้น คือ ส.ส.เข้าชื่อกัน 1 ใน 10 หรือ ส.ว.เข้าชื่อกัน 1 ใน 10 ตามมาตรา 82 กับอีกช่องทาง คือ กกต.ยื่นตามมาตรา 170 แต่ถ้ายื่นต่อกกต.จะมีน้ำหนัก เพราะจะต้องมีการกลั่นกรองคล้ายกับการไต่สวนมูลฟ้อง ดังนั้นถ้าผ่านกกต.ถือว่ามีน้ำหนักผ่านไปหนึ่งชั้นแต่จะยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินก็ได้ แต่ก็จะต้องกลับไปยื่นกกต.อีกอยู่ดี เพราะผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นศาลรัฐธรรมนูญเองไม่ได้ ซึ่งขอให้รีบทำเพราะศาลรัฐธรรมนูญจะได้รีบวินิจฉัยเหมือนที่นายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเคยบอกไว้
ส่วนกรณีหากเลยวันที่ 23 ส.ค.ไปแล้ว นายกรัฐมนตรียังทำงานต่อจะมีการไปแจ้งความ นายวิษณุ กล่าวว่า สามารถแจ้งได้แต่ตราบใดที่ยังไม่มีการสั่งให้นายกฯหยุดปฎิบัติหน้าที่ นายกฯ สามารถทำได้หมดทุกอย่างแม้กระทั่งการเซ็นเอกสาร ย้ายข้าราชการ หรือการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ได้
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวยืนยันกรณีถูกพาดพิงว่าสั่งให้ ส.ส.พรรคพปชร.และ ส.ว.บางส่วนไม่ต้องเข้าร่วมประชุมร่วมรัฐสภา ในวันที่ 10 ส.ค.นี้ เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ว่า ไม่ได้มีการกำชับส.ส.เรื่องการร่วมเป็นองค์ประชุม เพราะไม่สามารถบังคับได้ และในส่วนเรื่องส.ว.คงไม่สามารถไปสั่งได้
"ไม่ได้ดีลกับใคร เพราะไปต่างจังหวัดทั้งวัน สื่อมวลชนก็เห็น จะไปดีลกับใคร เสร็จงานกลับบ้านก็นอน เช้ามาก็ทำงานๆ ทั้งวันอีกไม่มี ส.ว.สายใคร ไม่มีสายลุงตู่ หรือสายลุงป้อม เพราะ ส.ว.มาจากคัดเลือกจะมีสายได้อย่างไร" พล.อ.ประวิตร กล่าว
ส่วนกรณีพรรคพปชร. เตรียมเสนอให้เป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวยืนยันว่า ต้องขึ้นอยู่กับสมาชิกประชุมกัน เรื่องนี้อยู่ที่นายกรัฐมนตรี ถ้ายังไม่ครบ 8 ปีก็ไปต่อ แต่เมื่อครบแล้วค่อยว่ากัน ซึ่งไม่ใช่ตน แต่เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะอยู่ต่ออีก 2 ปี และหากการเลือกตั้งสมัยหน้า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ถูกตัดสิทธิเรื่องการดำรงตำแหน่ง ครบ 8 ปี ก็จะเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ต่อ
ส่วนอนาคตจะไปจับมือกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ให้ผลการเลือกตั้งออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน