นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า แนวทางการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมองได้ 3 รูปแบบ คือ
1. ถ้าเริ่มนับจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก คือเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2557 ตามมาตรา 19 ของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2557 ก็จะครบ 8 ปีในวันที่ 23 สิงหาคม 2565
2. ถ้าเริ่มนับจากการเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2562 ตามมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 จะครบ 8 ปี ในวันที่ 8 มิถุนายน 2570
3. ถ้าเริ่มนับจาก วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 6 เมษายน 2560 เพราะมีบทเฉพาะกาลมาตรา 264 ที่ให้คณะรัฐมนตรีเก่า เริ่มเป็นคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ ซึ่งจะทำให้พลเอกประยุทธ์ครบ 8 ปี ในวันที่ 5 เมษายน 2568
นายอนุชา กล่าวว่า หากศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องก็สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
แต่หากศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่อง สิ่งแรกที่ต้องดำเนินการก็คือ รัฐบาลต้องส่งคำชี้แจงไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนที่สอง คือ หากศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดการปฏิบัติหน้าที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะรักษาการนายกรัฐมนตรีแทน และปฎิบัติหน้าที่ร่วมกับคณะรัฐมนตรีเป็นปกติ โดยในคณะรัฐมนตรี ยังมีพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในคณะ เนื่องจากมีตำแหน่งรมว.กลาโหม แต่หากศาลฯ ไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรียังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ดังนั้นในส่วนของฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำ ที่ปฎิบัติหน้าที่ ยังคงทำงานตามปกติทุกอย่าง
โดยแนวทางทั้งหมดนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้รับทราบแล้ว จากนี้ไปต้องรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
นายอนุชา ย้ำว่า นายกรัฐมนตรียินดีให้ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ แต่สุดท้ายแล้ว ขอให้ประชาชนทุกคนได้เคารพกฎหมาย โดยเฉพาะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ถือเป็นที่สิ้นสุด พร้อมขอให้ทุกคนหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และไม่นำความคิดเห็นส่วนตัวมาตัดสิน เพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้ง