นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จากการพูดคุยทั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีแล้ว ไม่มีท่าทีกังวลหรือตื่นเต้นตกใจใดๆ
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร จะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีโดยอัตโนมัติ และมีอำนาจเต็มที่ในการแต่งตั้งโยกย้าย รวมถึงในทฤษฎีสามารถทำได้ทั้งยุบสภา และปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ยอมรับว่าในทางปฎิบัติอาจทำได้ค่อนข้างยาก เพราะต้องหารือกับหลายฝ่าย รวมถึงพล.อ.ประวิตร ยังจะทำหน้าเป็นผู้รับสนองฯ กฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาทูลเกล้าฯ
ในส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายผู้บัญชาการเหล่าทัพนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร คงไม่สามารถรื้อโผได้ เพราะการแต่งตั้งนายทหารผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการสภากลาโหม ส่วนการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 29 ส.ค.นี้
ส่วนกรณีที่มีผู้มองว่าเป็นกระบวนการวางยา พล.อ.ประยุทธ์ในทางกฎหมายให้ติดหล่มทางการเมืองนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่น่าจะใช่การวางยา ทั้งนี้ ฝ่ายกฎหมายจะชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้เร็วกว่า 15 วัน เพราะเตรียมการไว้หมดแล้ว แต่อาจต้องมีการปรับแก้บ้าง เพราะก่อนหน้านี้ยังไม่ทราบว่าใครจะต้องเป็นผู้ชี้แจง แต่เมื่อศาลระบุชัดเจนว่าให้ผู้ถูกร้องคือนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ทำคำชี้แจงก็ต้องปรับให้สอดคล้องกัน
ส่วนเมื่อนายกฯหยุดปฎิบัติหน้าที่ รถประจำตำแหน่ง บ้านพัก รวมถึงห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า จะสามารถใช้ได้ตามปกติเหมือนเดิมหรือไม่นายวิษณุ กล่าวว่า การหยุดปฎิบัติหน้าที่ไม่ใช่การพ้นจากตำแหน่ง ดังนั้น ยังใช้ได้ ไม่ได้ยึดสิ่งใดกลับไป เพราะยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ล่าสุดจากการพูดคุยพล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าจะไม่เข้ามาทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า แต่จะย้ายไปทำงานที่กระทรวงกลาโหม ในฐานะ รมว.กลาโหม และสามารถเข้าร่วมประชุม ครม.ได้ ส่วนในวันอังคารที่ 30 ส.ค.นั้น ไม่ทราบว่าพล.อ.ประยุทธ์จะเข้ามาร่วมประชุมหรือไม่ ขณะที่พล.อ.ประวิตร เองก็แจ้งว่าจะไม่ขึ้นไปทำงานที่ห้องพล.อ.ประยุทธ์ บนตึกไทยคู่ฟ้าเช่นกัน แต่จะทำงานที่ห้องเดิม