นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นนัดแรกของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในการทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี เร่งตัดสินใจแก้ไขปัญหาหนี้ 13 ล้านบัญชี ซึ่งเพิ่มขึ้นช่วง 2 ปีที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมี 3 ล้านบัญชีกลายเป็นหนี้เสีย ติดแบล็กลิสต์กับเครดิตบูโรแล้ว และอีก 10 ล้านบัญชีสุ่มเสี่ยงจะกลายเป็นหนี้เสียในอนาคต ทั้งหมดครอบคลุมคนประมาณ 7-8 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 5 ของประชากรวัยทำงาน
"คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่หมดโอกาสทางเศรษฐกิจ หมดโอกาสจากการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่รัฐต้องเร่งมีมาตรการช่วยเหลือโดยด่วน ไม่เช่นนั้นจะมีหนี้เสียเพิ่มอีกเป็นล้านบัญชี" นายกรณ์ กล่าว
พรรคกล้าขอเสนอมาตรการกล้าฟื้นชีวิต โดยให้รัฐพักชำระเงินต้น 2 ปี ลดดอกเบี้ยให้เหลือ 1% หนึ่งปี และแขวนดอกเบี้ยค่าปรับไว้ โดยช่วยเหลือกรณีมีหนี้วงเงินไม่เกิน 50,000 บาท เช่น มีหนี้ 50,000 บาท ต้องจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย 1,564 บาท/เดือน ก็จะเหลือขั้นต่ำ 43 บาท/เดือน โดยช่วยเหลือทั้งกรณีที่เป็นหนี้เสียแล้วและกรณีที่เสี่ยงเป็นหนี้เสียทั้ง 13 ล้านบัญชี และมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดหนี้เสียเพิ่ม ด้วยการเพิ่มรางวัลให้กับบัญชีที่ผ่อนจนหมดสัญญา จะได้รับเงินคืน 5% ของเงินต้น เพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการชำระหนี้ให้หมด เช่น กู้ 50,000 บาท เมื่อชำระหนี้หมด จะได้รับเงินคืน 2,500 บาท
"ช่วงโควิดรัฐบาลเองยังต้องกู้เงินเพิ่มหลักล้านล้านบาท จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ประชาชนจะเป็นหนี้ และเป็นหนี้ที่เกิดจากหลายโครงการที่รัฐบาลปล่อยกู้ ซึ่งเป็นเรื่องดีที่ช่วยประชาชน แต่รัฐเองก็ต้องไม่ปล่อยให้ประชาชนต้องเป็นหนี้ด้วย ซึ่งมาตรการที่พรรคกล้าเสนอ ครม.สามารถดำเนินการได้ทันที โดยไม่ต้องใช้งบประมาณ จะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีกว่า 10 ล้านคน ซึ่งคนกลุ่มทั้งหมดนี้เคยเข้าถึงเงินกู้ของรัฐได้ มีงานทำ และรัฐควรช่วยเหลือให้ตลอดรอดฝั่ง ต้องทำให้ประชาชนไม่เป็นหนี้เสีย" นายกรณ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า พรรคพยายามช่วยประชาชนที่ต้องไปกู้นอกระบบ แต่อุปสรรคในการช่วยเหลือคือประชาชนหลายรายติดเครดิตบูโร เป้าหมายหลักคือทำอย่างไรไม่ให้คนไทยมีชื่อติดในแบล็กลิสต์เครดิตบูโร ถ้าไม่มีมาตรการ จะมีคนติดเครดิตบูโรเพิ่มทุกสามเดือน เป็นหลักล้านคน
"รัฐไม่ใช่แค่พูดเรื่องตัวเลขหนี้ครัวเรือนแล้วปล่อยปัญหาผ่านไป ทุกวันนี้มีประชาชนต้องหนีการทวงหนี้ หนีเพื่อน หนีญาติ บานปลายเป็นปัญหาสังคม ดังนั้นรัฐที่มั่นคงต้องมาช่วยประชาชนที่อ่อนแอด้วย" นายกรณ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ นายกรณ์ กล่าวว่า คำสั่งศาลที่ออกมาสะท้อนความเป็นนิติรัฐ ลดแรงกดดันทางการเมือง ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ก็เพิ่มขึ้น แต่ไม่ว่ารัฐบาลชุดนี้จะมีเวลาอีกครึ่งปีหรือครึ่งวัน หวังว่ารัฐบาลจะมีสมาธิใช้เวลาที่เหลือ ใช้อำนาจที่มีในมือช่วยเหลือประชาชน