นายอดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องปมวาระนายกฯ 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และจะเชิญนายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขานุการกรธ.ไปให้การเป็นพยานนั้น
จากการประชุมผู้นำฝ่ายค้านและพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่า ฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นผู้ยื่นคำร้องเรื่องดังกล่าวผ่านประธานสภาฯ จะเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องมากกว่า 2 คน ซึ่งอาจจะเป็นอาจารย์จากคณะนิติศาสตร์ หรือประชาชนที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่เป็นกลาง รวมถึงสื่อมวลชนที่เป็นกลาง เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญได้สอบถามพินิจวิเคราะห์ข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อกระบวนการยุติธรรม และเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ผู้นำฝ่ายค้านจะทำหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา เพื่อเรียกบุคคลอื่นนอกจากนายมีชัยและนายปกรณ์ มาเป็นผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้การต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วย ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายจะทำการร่างหนังสือและส่งให้นายชวนอย่างด่วนที่สุด ส่วนใครจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมนั้น อยู่ในระหว่างการหารือ และประสานบุคคลนั้น พร้อมจะแนบชื่อบุคคลไปในหนังสือคำร้องด้วย
"เราอยากให้ฝ่ายที่เป็นกลางมีส่วนเพิ่มเติมความคิดเห็น เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ซึ่งนายมีชัย และนายปกรณ์ มีเป็นผู้ทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนคนอื่นเป็นผู้เฝ้าติดตามตั้งแต่การร่างรัฐธรรมนูญมาจนถึงปัจจุบัน ก็อยากให้มีหลากหลายความคิดเห็น เพื่อไม่ให้เอนเอียงไปทางไหน และเกิดความวางใจต่อสาธารณะมากยิ่งขึ้น"นายอดิศร กล่าว
ส่วนการทำหน้าที่รักษาการ ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีนั้น นายอดิศร กล่าวว่า ที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน เห็นว่าการใช้อำนาจของรักษาการนายกฯ ต้องใช้อย่างจำกัด และระมัดระวัง ไม่ใช้อำนาจตามที่เนติบริกรบางคน ได้อธิบายไปไกล จนถึงขั้นยุบสภา หรือโยกย้ายบุคคลากรต่างๆ ซึ่งประเด็นการใช้อำนาจที่มีอยู่ในระยะเวลาสั้นๆ
"จึงอยากให้พล.อ.ประวิตร ใช้อำนาจของตนเองอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้าย...เพราะไม่อยากให้มองว่ารักษาการนายกฯ ใช้อำนาจที่มีจำกัด จนเกินอำนาจที่มีอยู่"