นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการใช้อำนาจรักษาการนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่า กรณีที่เมื่อวานนี้ (29 ส.ค.) พล.อ.ประวิตร นั่งเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ตช.) มีข้อถกเถียงพอสมควรว่าทำได้หรือไม่ แต่ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลยืนยันว่า ความเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการของ พล.อ.ประวิตร นั้นมีอำนาจเต็ม ซึ่งสามารถทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีได้
"จะมีปัญหาหรือเป็นข้อถกเถียงทางกฎหมายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง สิ่งที่กระทำเป็นบวกหรือลบ ส่งผลเสียต่อประเทศชาติหรือประชาชนหรือไม่ เช่น การแต่งตั้งโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งฝ่ายค้านจะไปตรวจสอบอย่างเข้มข้นตรงนั้น จะสงสัยหรือไม่ จะต้องปรึกษาหารือกัน โดยให้ผลการกระทำเป็นตัววัด" หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุ
ส่วนกระแสข่าวการยุบสภานั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า แม้ยืนยันว่าควรคืนอำนาจให้ประชาชน แต่เกรงจะเกิดสุญญากาศทางการเมือง เนื่องจากการยุบสภาช่วงนี้ไม่เหมาะสม เพราะมองว่าจะไม่เกิดการเลือกตั้ง หรือหากมีการเลือกตั้ง ก็อาจมีการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เอง หรือประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่อาจไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
นอกจากนั้น ยังมีข้อถกเถียง คือ การออก พ.ร.ก. ซึ่งตามศักดิ์ทางกฎหมายใช้แทนพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ไม่ใช่กฎหมายเลือกตั้งอย่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะมีปัญหา หากใช้บังคับแล้วมีคนยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญจนการเลือกตั้งเป็นโมฆะ จนส่งผลเสียต่อประเทศ
"ถึงที่สุด อะไรที่ไม่เขียนในรัฐธรรมนูญก็ไปอ้างอิงเอาตรงนั้น ซึ่งอาจเป็นทางออกทางเลี่ยงได้ แต่จะชอบด้วยกระบวนการ วิธีการ แล้วเป็นประโยชน์โดยรวมหรือไม่ กติกาจะเป็นธรรมหรือไม่ ต้องไปดูกัน จึงมีโอกาสเกิดวิกฤตทางการเมือง หรือวุ่นวายเป็นไปได้สูงหากยุบสภาในช่วงนี้ สำหรับข้อถกเถียงในส่วนอำนาจรักษาการนายกรัฐมนตรีจึงต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง และดูตามข้อเท็จจริงว่าเหมาะสมหรือไม่" นพ.ชลน่าน กล่าว
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความชัดเจนควรยื่นให้ศาลตรวจสอบอำนาจรักษาการนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องให้ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ได้พิจารณาข้อมูล ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายก่อน ว่าจำเป็นต้องทำขนาดนั้นหรือไม่