นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) กล่าวถึงการมาร่วมงานกับพรรคสร้างอนาคตไทยในวันนี้ เพื่อให้กำลังใจและชื่นชมพรรคสร้างอนาคตไทย ที่มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือประชาชน และจะใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่สนับสนุนพรรคในทุกรูปแบบ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เป็นที่พึ่งของประชาชน และแสวงหาความร่วมมือกับทุกพรรคที่จะมาช่วยกันแก้ไขปัญหา วางรากฐานอนาคตประเทศที่ล้าหลังจากประเทศเพื่อนบ้าน
ส่วนการเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีนั้น นายสมคิด กล่าวว่า หากพรรคเห็นว่าตนมีประโยชน์ที่จะสามารถช่วยงานบ้านเมืองได้ ก็ยินดีสนับสนุนทุกรูปแบบ แต่ที่สำคัญคือต้องได้รับการสนับสนุนจากประชาชน หากต้องการให้ตนกลับมาทำหน้าที่ และต้องเข้าใจว่าการเป็นพรรคการเมืองใหม่ กว่าจะเป็นต้นไม้ใหญ่ จะต้องอาศัยแรงสนับสนุนจากประชาชนส่วนใหญ่
"หากประชาชนต้องการให้กลับมา ผมพร้อมทุกเมื่ออยู่แล้ว...ผมสนับสนุนพรรคในทุกบทบาท และทุกรูปแบบ ผมไม่มีใจบันดาลแรง แต่มีแรงบันดาลใจที่จะช่วยเหลือประเทศไทย" นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวว่า ขณะนี้โลกต้องเผชิญกับสารพัดปัญหา ทั้งภัยธรรมชาติ เศรษฐกิจถดถอย ปัญหาค่าครองชีพ หนี้ครัวเรือนสูง ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ในขณะที่สหรัฐฯ เน้นการแก้ปัญหาเงินเฟ้อด้วยการปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศที่ยากจนได้รับผลกระทบรุนแรง ขณะที่จีนมีระบบการเมืองที่แข็งแรง ทำให้มีระบบเศรษฐกิจที่มั่นคง แต่ช่วงนี้กำลังเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจ รวมทั้งปัญหาการล็อกดาวน์ที่เสิ่นเจิ้น และเฉิงตู ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิต เพราะเป็นแหล่งผลิตเซมิคอนดักเตอร์ใหญ่ของโลก
นายสมคิด ยังกล่าวถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยว่า อาจจะหนักกว่าที่คิด เพราะต้องเผชิญปัญหาต่างๆ ซึ่งในช่วงที่ 4 กุมารร่วมรัฐบาล (นายอุตตม สาวนายน, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) ได้กอบกู้เศรษฐกิจจาก GDP 1% ขึ้นมาเป็น 3% และ 4% ก่อนจะเจอปัญหาระบาดโควิด-19 ซึ่งตนเคยบอกนายกรัฐมนตรีแล้วว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะไปไม่รอด เพราะนโยบายแบ่งตามกระทรวงไปคนละทิศละทาง พรรคไหนถ้าไม่เห็นด้วยก็วอล์กเอาท์ รัฐบาลไม่มีพลัง เพราะเป็นการแสวงหาอำนาจ ไม่ได้แสวงหาปัญญา และสุดท้าย 4 กุมาร ก็เจอพิษการเมืองเช่นกันจนต้องลาออกมา
ทั้งนี้ ภาวะเศรษฐกิจของไทยที่ถดถอย ไม่ได้มาจากเรื่องโควิด-19 แต่เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ 60% เป็นเกษตรกร แต่คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 10% ของจีดีพี ทำให้ไม่มีกำลังซื้อ จะต้องมีการปฏิรูปภาคท่องเที่ยวอย่างแรง โดยหาทางให้นักท่องเที่ยวกระจายไปจังหวัดต่างๆ ไม่ใช่แค่เมืองหลัก การสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรเป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ การสร้างเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร การนำระบบดิจิทัลเข้ามาเป็นกลไกในการพัฒนาประเทศ ดังนั้นระบบอินเตอร์เน็ตต้องมีราคาถูก ไม่ได้มุ่งประมูลเพื่อหวังแค่ผลตอบแทนรัฐสูงๆ แต่ต้องเน้นเรื่องความเป็นธรรม การแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น เช่น การกำหนดราคากลาง
พร้อมมองว่า การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่เคยปูทางให้มีการลงทุนจากจีนและญี่ปุ่น แต่ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะนักลงทุนขาดความมั่นใจ ทำให้นักลงทุนต่างชาติเปลี่ยนใจไปลงทุนที่เวียดนาม และอินโดนีเซีย การพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน มีความล่าช้า, ดัชนีความสามารถในการแข่งขันของประเทศลดลง ปัญหาเหล่านี้ มีเหตุผลมาจากการเมือง
อีกประการหนึ่งคือการกอบกู้และสร้างอนาคตของประเทศ โดยการตั้งกองทุนเยียวยาผู้ที่มีปัญหา ทั้งประชาชนและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี, การแก้ปัญหาเรื่องราคาพลังงาน ทำไมจึงไม่สามารถลดค่าการตลาด ค่าการกลั่นได้ ทั้งที่กระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่, การแก้ปัญหาราคาปุ๋ยแพงที่เคยมีแนวคิดเรื่องปุ๋ยสั่งตัด แต่ตอนนี้หายไป การกระจายอำนาจและงบประมาณจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ ถ้าจังหวัดไหนพร้อมก็ให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดไปเลย
"เรามีนายกรัฐมนตรี แต่ยังไม่รู้ว่าใครเป็นตัวจริง ทำให้คนดีมีความสามารถอยู่นิ่ง ดังนั้น รัฐบาลไม่ควรปล่อยให้ปัญหาเรื้อรังต่อไป หากแก้ไม่ได้ก็ยุบสภาไปเลย" นายสมคิดกล่าว
พร้อมระบุว่า ยินดีที่จะเข้ามาช่วยเป็นประธานพรรค แต่ได้ฝากให้พรรคยึดหลักในการทำงานที่สำคัญ 3 ประการ คือ
1.เป็นพรรคที่ดีมีอุดมการณ์ มีนโยบายที่ดี เกาะเกี่ยวกับประชาชน ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่ใช่แค่เลือกตั้ง หากมีนโยบายที่ดีก็สามารถร่วมทำงานกับพรรคการเมืองอื่นได้
2.เป็นพรรคที่มีนโยบายกอบกู้เศรษฐกิจเพื่อสร้างอนาคตประเทศ
3.เป็นพรรคที่มีความเป็นประชาธิปไตย เปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญให้เกิดการกระจายอำนาจและงบประมาณ โดยมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน อย่าหวงอำนาจอย่าหวงตำแหน่ง
"ผมจะดึงคนที่มีความรู้ความสามารถ มาช่วยทำงานให้บ้านเมือง โดยไม่สนใจเรื่องการเมือง เราจะรอไปอีกไม่ได้แล้ว" นายสมคิด กล่าว