นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ยืนยันว่าการถอนร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ?. ไม่ได้เป็นเกมการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาลในการตัดคะแนนนิยมทางการเมืองอันที่จะได้ประโยชน์จากการเสนอร่างกฎหมาย เนื่องจากการเสนอถอนร่างกฎหมาย มีทั้งพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคการเมืองฝ่ายค้านเห็นด้วย
"ไม่ใช่เรื่องที่มาตัดแข่งตัดขากัน และเชื่อว่าจะไม่กระทบสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์มีเพียง 40 เสียงเท่านั้นที่เห็นด้วยกับการถอนร่างกฎหมาย ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นมติของสภาฯ ใช่มติของพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง เชื่อว่าไม่มีปัญหาในการทำงานร่วมกันในพรรคร่วมรัฐบาล" นายสาทิตย์ กล่าว
พร้อมย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้คัดค้านร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ?. โดยเฉพาะการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ หรือใช้เป็นพืชเศรษฐกิจ แต่มีเจตนาที่ต้องการเห็นเนื้อหาในการกำกับควบคุมการใช้กัญชาให้อยู่ในกรอบที่คำนึงถึงผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน เนื่องจากร่างกฎหมายที่รับหลักการและผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีการแก้ไขโดยเพิ่มเนื้อหาเยอะมาก จากเดิมมี 45 มาตรา แต่กมธ.วิสามัญฯ พิจารณาปรับแก้เพิ่มเติมเป็น 95 มาตรา คือ มีการเพิ่มใหม่ 69 มาตราและมีการตัดบางมาตราทิ้ง โดยเฉพาะมีบางส่วนที่เห็นว่าอาจจะกำกับดูแลควบคุมไม่ดีพอ เช่น การให้ประชาชนทั่วไปสามารถขอจดแจ้งปลูกกัญชาครัวเรือนบ้านละ 15 ต้น ใช้เพื่อประโยชน์ในครัวเรือน แต่มีการบัญญัติไว้ว่าเพื่อการบริโภคภายในครัวเรือน เพื่อประโยชน์ในการรักษาสุขภาพ แต่ไม่มีการกำหนดมาตรการควบคุมที่ส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน ทำให้สามารถเข้าถึงได้โดยง่าย ขณะเดียวกันเห็นว่าทางแพทย์มีการออกหนังสือวิเคราะห์กฎหมาย จึงนำข้อหารือเข้าหารือกับที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และเสนอให้ถอนร่างออกไปปรับปรุงในช่วงปิดสมัยประชุม
นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า หากเมื่อวานนี้ไม่มีการถอนร่างกฎหมายออกไป อาจจะทำให้ร่างกฎหมายค้างอยู่ในการพิจารณาของสภาฯ จะทำให้ไม่สามารถนำไปแก้ไขปรับปรุงให้เกิดความรอบคอบรอบด้านได้ แต่หากถอนออกไปก่อน จะทำให้สามารถแก้ไขปรับปรุงร่างกฏหมายได้ เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการถูกคว่ำในวาระ 2-3 และในช่วงที่เป็นสุญญากาศขณะนี้ จึงมีข้อเรียกร้องไปยัง รมว.สาธารณสุข ทบทวนเรื่องการปลดล็อกกัญชา โดยขอให้ทุกฝ่ายเลือกใช้เหตุผลทางการเมืองมาวิเคราะห์ร่างกฎหมาย เนื่องจากร่างกฎหมายฉบับนี้ส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพของคนในสังคม รวมถึงผู้ปกครอง และบุคลากรทางการแพทย์ และยืนยันไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
"เชื่อว่าหากถอนร่างฯ ออกไป และมีการปรับปรุงก็สามารถนำกลับเข้ามาพิจารณาอีกครั้งในสมัยประชุมหน้าได้ ดีกว่าล้มกฎหมายทั้งฉบับ และหลังจากนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมที่จะเสนอข้อเสนอแนะและข้อห่วงใยต่อร่างกฎหมายส่งไปให้ กมธ.วิสามัญฯพิจารณาแก้ไขกฎหมาย สังคมเผชิญกับปัญหายาเสพติดที่เป็นยาบ้าอยู่แล้ว อย่าให้กัญชามาซ้ำเติมปัญหายาเสพติดที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจะต้องมีกฎหมายที่ปิดจุดอ่อนช่องว่าง" นายสาทิตย์ กล่าว
ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า กรณีดังกล่าวไม่ใช่เป็นเรื่องการเมืองที่จะนำมาเป็นประเด็นต่อสู้ห้ำหั่นกัน และไม่มีเจตนาที่จะไปเตะตัดขาพรรคภูมิใจไทยแต่อย่างใด แต่เป็นกระบวนการการทำหน้าที่ในระบบรัฐสภา ที่พรรคการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ย่อมมีสิทธิคิดและตัดสินใจภายใต้ดุลยพินิจที่เคลือบไว้ด้วยคำว่า "ประโยชน์ส่วนรวมของสังคม"
พรรคต้องรับฟังเสียงของประชาชน และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีข้อมูลจากหลายส่วน เช่น จากประชาชนที่สะท้อนมุมมองที่มีความห่วงใยต่อลูกหลานที่ยังเป็นเด็กและเยาวชน จากข้อมูลวงการแพทย์ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วทั้งประเทศ ที่ได้แสดงความกังวลต่อ ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ที่มองว่าอาจจะมีผลกระทบต่อสังคมโดยภาพรวม โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน แต่อยากย้ำว่าในกระบวนการของสภาฯ ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังไม่ตกไป แต่เป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ ที่ควรต้องไปปรับแก้เพื่อให้ร่างออกมาเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด จากนั้นก็นำมาพิจารณากันต่อ
นายราเมศ กล่าวต่อว่า การให้นำกัญชามาใช้ในทางการแพทย์นั้น เชื่อว่าทุกคนสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่ถ้าหากเปิดช่องให้มีการเสพกัญชาที่ไม่ได้เป็นไปในทางการแพทย์ ผลกระทบย่อมตามมาอย่างแน่นอน นี้คือประเด็นความห่วงใยในร่างกฎหมายที่ยังไม่ได้ครอบคลุมคุ้มครองสังคมอย่างรอบคอบรัดกุม