ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้นัดอ่านคำพิพากษาวันนี้ ในคดีหมายเลขดำ อม.22/2565 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ, พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์, บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และนายวิศณุ วิเศษสิงห์ เป็นจำเลยที่ 1-6 กรณีร่วมฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดแทน และโครงการก่อสร้างอาคารที่พัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพ ได้เดินทางมาถึงศาลฯ ตั้งแต่เวลา 08.15 น. และกล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันที่สำคัญมากสำหรับชีวิต เนื่องจากตนถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในกรณีโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง ซึ่งการกล่าวหาเริ่มขึ้นขณะที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในสมัยนั้น โดยคู่แข่งทางการเมืองยกขึ้นมาโจมตี เพราะตอนนั้นสถานีตำรวจยังสร้างไม่เสร็จก็เลยให้ตัวเองเป็นแพะ โดยคนที่เป็นตัวตั้งตัวตี คือ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ออกมาแถลงข่าวดำเนินคดีว่าตนฮั้วประมูล
สำหรับกรณีของนายธาริตกล่าวหา ได้มีการสั่งดำเนินคดีไปแล้ว ซึ่งดำเนินการสอบเฉพาะคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 7 ปี จึงส่งสำนวนให้กับอัยการเพื่อฟ้องคดี แต่อัยการไม่เห็นด้วยกับสำนวนของ ป.ป.ช.ตอนนั้น ความเห็นของอัยการคือตนไม่มีความผิด จึงต้องมีการตั้งกรรมการร่วมและมีการถกเถียงกัน 1 ปี สุดท้าย ป.ป.ช. จึงเดินหน้ายื่นฟ้องเอง
นายสุเทพ กล่าวว่า ตนได้ต่อสู้เพื่อดำเนินคดีด้วยข้อมูลข้อเท็จจริง พยานหลักฐานทั้งพยานบุคคลและตัวกฎหมาย เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้กระทำความผิดตามที่ได้มีการกล่าวหากัน ส่วนศาลจะพิพากษาอย่างไร ก็จะเคารพคำตัดสินของศาล และเคารพอำนาจอธิปไตยตุลาการ ที่เป็นหลักของบ้านเมือง เป็นที่พึ่งของประชาชน
"ไม่ว่าผลจะพิพากษาตัดสินคดีจะเป็นอย่างไร ผมก็น้อมรับ ผมก็ได้ต่อสู้ตามกระบวนการที่จะทำอย่างเต็มที่แล้ว" นายสุเทพ กล่าว
พร้อมมั่นใจว่าได้ทำคุณงามความดีกับส่วนรวมให้กับบ้านเมืองมาโดยตลอด ข้อกล่าวหาว่าทุจริต มีมาหลายปี วันนี้หากพิพากษายกฟ้องไม่ลงโทษตน ตนก็จะได้เกียรติยศได้ศักดิ์ศรีคืนกลับมา แต่หากศาลตัดสินในเชิงลบ จะถือว่าเป็นการปิดฉากตัวเองทางการเมือง และคงไม่มีหลักฐานอะไรใหม่มากกว่านี้อีกแล้ว เพราะพยานหลักฐานข้อเท็จจริง ก็ได้นำเสนอไปครบถ้วนแล้ว ถือว่าคดีนี้ควรจะจบได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงนว่า มีผู้เดินทางมาให้กำลังใจนายสุเทพ เช่น นายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชาย, นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร มาในนามพรรคประชาธิปัตย์, กลุ่มแกนนำ กปปส. ได้แก่ นายชุมพล จุลใส, นางทยา ทีปสุวรรณ, นายณัฐพล ทีปสุวรรณ, นายสกลธี ภัททิยกุล และ น.ส.จุฑาฑัตต เหล่าธรรมทัศน์ กับ น.ส.สุเนตตา แซ่โก๊ะ ส.ส.พรรครวมพลัง