พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ปฎิบัติงานวันแรกหลังหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ โดยช่วงเช้า เดินทางมากระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมการบริหารจัดการสถานการณ์อุทกภัย และให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอร์เร้นท์ ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ
โดยเมื่อเดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรีได้สักการะอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้การต้อนรับ
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวช่วงต้นการประชุมว่า ได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทราบว่ายังมีผลกระทบมากพอสมควร และทุกหน่วยงานได้พยายามทำงานอย่างเต็มที่ ภายใต้ศูนย์บรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติ โดยรัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนทั่วประเทศ และไม่ได้นิ่งนอนใจ วันนี้จึงอยากจะรับทราบสถานการณ์ในระยะเวลาต่อไป และการบริหารจัดการ การคาดการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งรัฐบาลจะได้เตรียมวางแผนความพร้อมในเรื่องการดูแลเยียวยา และสนับสนุนในเรื่องที่ยังเป็นปัญหาอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้ทุกหน่วยงานได้ทำงานร่วมกัน
ขณะที่กระทรวงมหาดไทย ได้รายงานสถานการณ์ปัจจุบันจากอิทธิพลของพายุโนรู ทำให้สถานการณ์ในพื้นที่ 24 จังหวัดได้รับผลกระทบ แบ่งเป็นจังหวัดภาคเหนือ 12 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหรือ 6 จังหวัด ภาคกลาง 6 จังหวัด
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า พยายามทำอย่างเต็มที่ ขณะที่ต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากเฮอริเคนเอียนอย่างรุนแรงเช่นกัน ซึ่งไทยก็ต้องเร่งแก้ไขปัญหาไปพร้อมๆ กัน และจากที่ได้รับฟังรายงาน ทราบว่าวันนี้ยังมีร่องความกดอากาศที่จะทำให้ฝนยังคงตกต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น ฝากให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด เร่งรัดดูแลความเดือดร้อน บูรณาการทุกศูนย์ในพื้นที่ เตรียมการล่วงหน้า ขอเน้นย้ำให้สร้างการรับรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนว่าจะได้รับผลกระทบอย่างไร และให้ความร่วมมือกับส่วนราชการ
ทั้งนี้ ในที่ประชุม จิสด้าได้รายงานว่ามีพื้นที่ที่ได้รับน้ำท่วมมากถึง 48 ล้านไร่ ซึ่งสถานการณ์น้ำท่วมในปี 64 กับ 65 ใกล้เคียงกัน แต่แตกต่างจากน้ำท่วมในปี 54 ที่มีน้ำท่วมในปริมาณมาก
นายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณข้อมูลจากทุกหน่วยงาน นับเป็นประโยชน์ที่จะใช้บริหารจัดการในอนาคต เพื่อที่จะออกมาตรการหลัก มาตรการเสริม ซึ่งในช่วงเวลาอันใกล้นี้ อาจจะมีมวลอากาศเย็นจากจีนเคลื่อนมากระทบภาคเหนือ ภาคอีสาน ไล่ลงมาที่ภาคกลาง อาจจะส่งผลให้เกิดความเสียหายขึ้นได้ จึงอยากให้ข้อมูลที่มีการรายงานวันนี้เป็นข้อมูลในชุดเดียวกัน และอัพเดทสถานการณ์ เพื่อให้รัฐบาลได้สนับสนุนส่งเสริมการบูรณาการช่วยเหลือต่อไป
นอกจากนี้ รัฐบาลจะเตรียมความพร้อมในเรื่องตลาดส่งออกข้าวให้มากกว่าปีที่ผ่านมา เพราะหลายประเทศสำรองข้าวไว้จำนวนมาก ส่งผลให้ราคาข้าวสูงขึ้น รัฐบาลจึงจะพยายามให้เกิดความเสียหายต่อภาคการเกษตรให้ได้น้อยที่สุด เพื่อให้พอต่อการบริโภคในประเทศ และไทยอาจจะเป็นผู้นำในการส่งออกข้าวในปีนี้ด้วย
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (4 ต.ค.) นายกรัฐมนตรี และคณะ จะลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำ และเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ประสบอุทกภัย ที่ จ.ขอนแก่น และ จ.อุบลราชธานี ซึ่งจะเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นวันพุธที่ 5 ต.ค.65