นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยังไม่คิดปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในช่วงนี้ แต่ในอนาคตค่อยว่ากัน เนื่องจากนายกรัฐมนตรีอยากมุ่งเน้นในเรื่องของการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนเป็นหลัก ทั้งสถานการณ์น้ำท่วมที่ประชาชนในหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบหรือแม้กระทั่งเกิดสถานการณ์เหตุกราดยิงที่จังหวัดหนองบัวลำภู สร้างความเสียใจไปทั่วโลก ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องการที่จะฟื้นฟูและเยียวยาญาติที่ได้รับความสูญเสียและได้รับผลกระทบให้ดีที่สุด
นายอนุชา กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตั้งธงที่ไม่ให้สัมภาษณ์สื่อ หลังเข้ามาปฎิบัติหน้าที่ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปได้ แต่หลังกลับมาทำงานมีประเด็นต่างๆที่ต้องแก้ไขถือว่าเป็นเรื่องของจังหวะมากกว่า ไม่ใช่เลี่ยงที่จะตอบปัญหาทางการเมือง โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นกับพรรคพลังประชารัฐในขณะนี้
ทั้งนี้ ในช่วงต้นสัปดาห์หน้านายกรัฐมนตรีจะมีการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรีและอ่างทอง เพื่อรับทราบสถานการณ์ในการรับมือ การระบายน้ำ โดยขณะนี้ยังสามารถบริหารจัดการได้ ขณะเดียวกันได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเยียวยาหลังสถานการณ์น้ำคลี่คลายในทันที โดยขอให้มีการประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เพื่อที่จะได้เบิกจ่ายงบประมาณช่วยเหลือได้เร็วที่สุด ไม่ใช่รอจนน้ำลดแล้วเริ่มสำรวจ เพราะจะทำให้การช่วยเหลือล่าช้าออกไป โดยนายกรัฐมนตรีไม่ต้องการให้เกิดการช่วยเหลือที่ล่าช้า ดังนั้นแต่ละจังหวัด รวมถึงท้องถิ่นจะต้องลงพื้นที่เข้าไปสำรวจพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายไว้
สำหรับการเยียวยานั้น นายกรัฐมนตรีต้องการจะใช้งบประมาณตามกฏหมายที่มีอยู่และให้ท้องถิ่นประเมินความเสียหายเสนอเข้ามา เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้เตรียมจัดสรรงบประมาณมารองรับ ทั้งนี้ไม่ได้มีการขีดเส้นว่าจะต้องส่งการประเมินในช่วงเวลาใด แต่ให้ทยอยส่งภาพรวมความเสียหายเข้ามา หากสถานการณ์น้ำลดแล้วเพื่อจะได้เร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
ส่วนการเพิ่มเงินเยียวยานั้นได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังเข้าไปดูว่ามีงบประมาณส่วนไหนที่จะช่วยเหลือประชาชนได้เพิ่มเติม นอกเหนือจากมาตรการของกระทรวงการคลังที่ร่วมกับสถาบันการเงิน 7 แห่ง นอกจากนี้ให้กระทรวงการคลังไไปหารือกลุ่มบริษัทสินเชื่อ ด้านการซื้อรถหรือเครื่องจักรทางการเกษตร เพื่อให้กลุ่มนี้ช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติมว่า จะสามารถยืดระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้ให้กับประชาชนที่เดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วมได้หรือไม่ ซึ่งหากดำเนินการได้ก็จะถือเป็นการช่วยเหลือประชาชนเป็นพิเศษ