นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกระแสข่าวการยุบสภาว่า ขณะนี้มีการพูดถึงกำหนดการยุบสภามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่วนมากจะเป็นความเห็นจากฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น และกูรูการเมือง บางรายระบุชัดเจนว่า จะยุบสภาช่วงหลังประชุมเอเปค บางรายบอกว่าจะยุบสภา 24 ธ.ค. 2565 บางรายบอกว่าจะยุบสภาเดือน มี.ค. 2566 ขณะที่ผู้มีอำนาจยุบสภามีคนเดียวคือ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่เคยเอ่ยวาจาหรือส่งสัญญาณใดๆ ถึงวันยุบสภาแต่อย่างใด
ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่สนใจว่าจะยุบสภาวันไหน แต่เรามุ่งมั่นตั้งใจที่จะใช้เวลาที่เหลืออยู่ทำงานตามอำนาจหน้าที่ และนโยบายที่เคยประกาศไว้อย่างเต็มกำลังความสามารถทุกเวลานาที
ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ทุ่มเททำงานใน 3 ส่วนสำคัญคือ
1. งานบริหารราชการแผ่นดินในฐานะรัฐมนตรี
ขณะนี้รัฐมนตรีของพรรคทุกคนใช้ความรู้ ความสามารถทำงานในกระทรวงต่างๆ จนบรรลุเป้าหมายตามนโยบายเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ที่มีหัวหน้าพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นรัฐมนตรี ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีเลขาธิการพรรค ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นรัฐมนตรี และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีนายจุติ ไกรฤกษ์ เป็นรัฐมนตรี ทุกคนล้วนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน
2. งานสภา
ส.ส. ของพรรคในสภา ได้ปฏิบัติหน้าที่เต็มกำลังความสามารถทั้งการเสนอญัตติที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน การตั้งกระทู้ถามตรวจสอบการทำงานและการเสนอกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนางานด้านต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น ล่าสุด ส.ส. ประชาธิปัตย์ ก็ได้ร่วมกันผลักดันเสนอกฎหมายแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวประมงที่ประสบปัญหาหลายด้านพร้อมทั้งเสนอทางออกของปัญหาเพื่อพี่น้องชาวประมงระยะยาวแบบถาวร
3. งานเตรียมการเลือกตั้ง
พรรคได้มีการเตรียมการเลือกตั้งผ่านกลไกการขับเคลื่อน 3 องค์ประกอบสำคัญของการเลือกตั้งคือ 1. นโยบายสาธารณะ 2. ผู้สมัครรับเลือกตั้ง 400 เขตทั่วประเทศ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ 100 คน 3. ยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง เพื่อนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้ได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์และขับเคลื่อนเดินหน้าอยู่ตลอดเวลา
นายองอาจกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ทุกภาคส่วนของพรรค ตั้งแต่ระดับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน อาสาสมัครไปจนถึงผู้บริหารพรรค ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจทำงานหนักเพื่อให้ประชาธิปัตย์กลับมาเป็นขวัญใจคนเดิมของพี่น้องประชาชนตลอดไป