พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ตอบกระทู้ถามสดเรื่องการควบคุมอาวุธปืนของนายอำพล จินดาวัฒนะ ส.ว.ว่า มาตรการควบคุมอาวุธปืนนั้น ตามกฎหมายต้องทำเรื่องขอซื้อกับเจ้าหน้าที่นายทะเบียน ซึ่งจะถูกตรวจสอบคุณสมบัติผู้ครอบครองว่ามีความครบถ้วนหรือไม่ เช่น ไม่ต้องโทษจำคุกตามกฎหมายอาญา เป็นบุคคลบรรลุนิติภาวะ ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ ไม่มีการประพฤติชั่วร้ายแรง
อย่างไรก็ดี ตนมีแนวคิดที่จะวางแนวปฏิบัติให้รัดกุมมากขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง เช่น ต้องมีใบรับรองแพทย์ว่าไม่ใช่คนที่มีสติฟั่นเฟือน นอกจากนั้น อาจต้องมีการรับรองพฤติกรรมโดยบุคคล เช่น นายจ้าง, กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน, ผู้บังคับบัญชา และต้องมีการตรวจสอบเป็นระยะๆ เช่น 3-5 ปี เพราะคนที่ขออนุญาตซื้อและใช้อาวุธปืนนั้น นานวันอาจจะเปลี่ยนไป เพราะยุ่งเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด อบายมุข ดื่มสุรา ขาดสติ ดังนั้นการขออนุญาตครั้งเดียวพิสูจน์ไม่ได้ จึงต้องมีการรับรองโดยบุคคล
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตามสถิติการก่อเหตุอาชญากรรมจากอาวุธปืนปี 65 พบว่าเป็นปืนที่ไม่จดทะเบียนถึง 98.53% ดังนั้นต้องเร่งแก้ปัญหาปืนเถื่อน ได้แก่ ปืนไทยประดิษฐ์ ปืนดัดแปลง ที่ถูกนำไปก่ออาชญากรรมมาก พุ่งเป้าการแก้ปัญหาด้วยการนำปืนเถื่อนให้เข้าระบบ อาจจะออกกฎหมายให้นำมาคืนเหมือนที่เคยปฏิบัติ เช่น ให้นำมาคืนโดยไม่มีความผิด หากสามารถจดทะเบียนได้ จะอนุญาตให้ขึ้น ขณะเดียวกันต้องปรับปรุงบทลงโทษ ส่วนการตรวจสอบการขายอาวุธปืนผ่านช่องทางออนไลน์นั้น ตามกฎหมายไม่สามารถทำได้ หากไม่มีใบอนุญาต เจ้าหน้าที่ตำรวจและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมอยู่ระหว่างการดำเนินการ
"ถ้าไม่มีโทษที่แรงพอ คนจะไม่ให้ความสำคัญ ต้องแรงกว่านี้ ปัจจุบันมีโทษปรับ 2,000-20,000 บาท จำคุก 1-10 ปี ดังนั้นต้องเพิ่มโทษให้แรง เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐไม่กล้า เพราะเป็นคดีอาญาลงโทษรุนแรง ส่วนคนที่พกปืนไปในสถานที่ต่างๆ นั้น ตามกฎหมายต้องได้รับอนุญาต ซึ่งการจะให้ใบพกไปสถานที่ต่างๆ นั้นยากมาก และให้ปีต่อปี หากพกโดยไม่ได้รับอนุญาต ง่ายๆ คือ เจ้าหน้าที่รัฐต้องเข้มงวดดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ผมยืนยันได้ ข้าราชการทหาร ตำรวจ บุคคลทั่วไป พกถ้วนหน้ากัน คำถามที่ว่าจะทำอย่างไรกับคนที่พกปืนไปโดยไม่ขออนุญาต เจ้าหน้าที่ต้องไปจับไปกุม แค่นั้น" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว