พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า เรื่องนี้ได้ยินมานานแล้ว ซึ่งส่วนตัวมองว่า คงจะแน่นอนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายรัฐมนตรี จะต้องแตกหัก และแยกทางกัน
ทั้งนี้ ในอดีต พล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นผู้บังคับบัญชา พล.อ.ประยุทธ์ แต่ตอนยึดอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปเชิญพล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์ มาร่วมรัฐบาลด้วย ซึ่งทำให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมาจากการตั้งพรรคพลังประชารัฐ ฉะนั้นการทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ คือการทำงานในหน้าที่นายกรัฐมนตรี ไม่ได้เข้ามายุ่งกับพรรคพลังประชารัฐ
เมื่อการเลือกตั้งใกล้เข้ามา พล.อ.ประยุทธ์ ก็เริ่มไม่แน่ใจว่าพรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ จึงต้องหาทางสำรองไว้ก่อน คือการให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ไปตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติขึ้นมา และหากคุยกับพล.อ.ประวิตรได้ ก็คงจะยอมอยู่ในพรรคพลังประชารัฐต่อไป แต่ถ้าคุยไม่ได้ก็ต้องไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ใครจะมีอำนาจมากกว่ากัน หากแยกกันเดินแล้ว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีอำนาจทั้งคู่ เพราะเลือกตั้งครั้งนี้ เชื่อว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะมีจำนวนส.ส.เพิ่มมากขึ้น เพราะฉะนั้นตอนนี้จึงมีข่าวว่าจะมีการยุบพรรคเพื่อไทย (พท.) ยุบพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เพื่อให้ส.ส.วิ่งเข้าไปอยู่ในพรรคของตัวเองมากขึ้น
"เชื่อว่า 2 พรรคนี้ไม่ได้เป็นที่ 1 หรอก ถามว่าส.ว. 250 คนจะเลือกหมดหรือ ต่อให้เลือกหมดก็บริหารต่อไม่ได้ เพราะจำนวนส.ส.ฝ่ายประชาธิปไตยเกินครึ่ง ผมเชื่อว่าฝ่ายประชาธิปไตยก็ได้ส.ส.เกินครึ่ง เมื่อเกินครึ่งแล้วต่อให้ส.ว.เลือก พล.อ.ประยุทธ์ หรือพล.อ.ประวิตรเข้าไปก็บริหารไม่ได้ เพราะอยู่ในสภาฯ เสียงไม่ถึงครึ่ง ทำอะไรไม่ได้ แป๊ปเดียวเดี๋ยวก็ล้มแล้ว" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว