นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการเป็นทายาททางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯ 2 ปี โดยอีก 2 ปีหลังนายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ว่า ไม่ต้องการเป็นทายาททางการเมืองของใคร แต่ต้องทำตัวเองให้มีความพร้อม
"ถ้าดูประวัติศาสตร์การเมืองประเทศไทย รู้สึกว่าทายาททางการเมืองจะตายก่อน ผมไม่ประสงค์ ถ้าผมจะเป็นอะไร ผมต้องทำตัวเองให้มีความพร้อมทำความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ไม่ต้องให้ใครมาตั้ง" นายอนุทิน กล่าว
ทั้งนี้ หากพล.อ.ประยุทธ์ มีเวลา 2 ปีเมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่นที่มีเวลา 4 ปี มีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์คนอื่นดีกว่า เพราะช่วงนี้เข้าใกล้การเลือกตั้งเข้ามาทุกที ตนคิดว่าสิ่งที่ต้องกังวลคือ จะทำอย่างไรให้นโยบายพรรคภูมิใจไทยตรงใจประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้มากที่สุด
ส่วนหากพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) น้อยกว่าพรรคภูมิใจไทย จะยอมให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี หรือยึดตามหลักว่าพรรคที่ได้คะแนนเสียงมากจะต้องเป็นนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องดูผลของการเลือกตั้งก่อนว่า สุดท้ายแล้วจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากแค่ไหน หากจะพูดไปตอนนี้และเมื่อถึงเวลาไม่ได้ขึ้นมา ตนจะกลายเป็นเสียคำพูด ดังนั้นเวลาจะพูดอะไรต้องดูสถานการณ์ และดูความพร้อมว่าเราอยู่ในจุดไหน และความจริงจะต้องมาถามตอนที่รู้ผลเลือกตั้ง
ส่วนเรื่องจุดยืนจะต้องให้พรรคที่ได้อันดับหนึ่ง หรือพรรคที่รวบรวมเสียงได้เป็นนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน กล่าวว่า จุดยืนในระบอบประชาธิปไตยมีกติกาและมีมารยาทอยู่ ตนไม่กังวลต้องรอให้ถึงวันนั้นก่อน
ทั้งนี้ หากเป็นพรรคที่ไม่ได้อันดับหนึ่ง แต่รวบรวมเสียงได้จะยอมรับได้ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนว่าต้องเป็นพรรคอันดับหนึ่งถึงจะเป็นนายกรัฐมนตรี หากเขียนอย่างนั้นก็จะมีความชัดเจน แต่รัฐธรรมนูญ คือระบบประชาธิปไตยฝ่ายไหนได้เสียงข้างมากก็จะชนะ และไม่ใช่เฉพาะเรื่องการเลือกนายกรัฐมนตรีเรื่องเดียว เรื่องการออกกฏหมายต่างๆ หรือการไม่ไว้วางใจด้วย
"ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นอุ๊งอิ๊ง ตู่ หนู ป้อม ตุ๋ย มิ่ง และท๊อป ก็ต้องหลังเลือกตั้งหมด" นายอนุทิน กล่าว