นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังรับหนังสือจากนายไทกร พลสุวรรณ ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ เพื่อขอให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณของกองทัพเรือ ในส่วนงบประมาณปรับปรุงรักษาอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ใน 3 ประเด็น คือ
1. การซ่อมบำรุงเรือหลวงสุโขทัย มีการใช้งบประมาณในการซ่อมบำรุงให้เรือหลวงสุโขทัยใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่อย่างไร เพราะอดีตผู้บัญชาการทหารเรือ เคยกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า เรือและอากาศยานของกองทัพเรือจำนวนมาก ไม่ได้รับการซ่อมบำรุงตามวงรอบ จนส่งผลต่อความพร้อมในการปฎิบัติภารกิจ
2. การใช้งบประมาณจัดซื้ออุปกรณ์รักษาความปลอดภัยประจำเรือ ได้ใช้งบประมาณจัดซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวเพียงพอกับลูกเรือทุกคนหรือไม่ เพราะทหารลูกเรือที่รอดชีวิต ได้ยืนยันว่าเสื้อชูชีพมีไม่ครบทุกคน
3. การใช้งบประมาณในการซ่อมบำรุงอาวุธยุทโธปกรณ์ ในภาพรวมของกองทัพเรือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ เพราะไม่ต้องการให้เกิดกรณีเช่นนี้ซ้ำอีก
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องมีคนรับผิดชอบ ตนในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน จะนำเรื่องนี้เข้าตรวจสอบในสภาฯ โดยวันพรุ่งนี้ (22 ธ.ค.) เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มาตอบกระทู้ถามสดในสภาฯ เนื่องจากเป็นเรื่องประชาชนให้ความสนใจและเป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งกระทบต่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างมหาศาล พร้อมเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องแสดงความรับผิดชอบ
"รัฐมนตรีประเทศอื่น หากมีกรณีรถไฟคว่ำขบวนเดียว เขาก็ลาออกจากรัฐมนตรีคมนาคม เพื่อแสดงความรับผิดชอบ มาถึงวันนี้พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะรมว.กลาโหม ยังไม่มีการประกาศอะไรออกมา ซึ่งเรื่องนี้ปล่อยไม่ได้ รวมถึงการติดตามตรวจสอบการเงินที่ใช้ในการดำเนินการดูแลเครื่องยนต์ที่ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ เป็นเครื่องใหญ่ ขึ้นเรือเป็นร้อยคน แต่เสื้อชูชีพไม่พอ เป็นไปได้อย่างไร นี่หรือวิธีคิดของกองทัพไทยที่จะมีการจัดซื้อเรือดำน้ำอีก 3 ลำ รวมถึงยุทโธปกรณ์อีกมากมาย สู้กับตัวเองไม่ชนะแล้วจะไปสู้กับใคร นี่คือความไม่ไว้วางใจของประชาชนต่อกองทัพไทย และรมว.กลาโหม ผมจะขอรับเรื่องนี้ไปตรวจสอบให้เข้มข้นต่อไป" นพ.ชลน่าน กล่าว
ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ได้ตั้งคำถามถึงกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ซึ่งเป็นเหตุให้มีลูกเรือเสียชีวิตและสูญหาย
1. การบริหารจัดการภายในกองทัพ ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีการใช้งบประมาณในการบำรุงรักษาเรือหลวงสุโขทัยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอย่างไร เพราะทราบมาว่ากองทัพเรือได้รับงบประมาณเพื่อบำรุงรักษาเรือมาโดยตลอด แต่เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
2. การบริหารจัดการภายในเรือ โดยปกติแล้วเสื้อชูชีพและอุปกรณ์ช่วยชีวิต จะต้องจัดเตรียมให้เพียงพอก่อนออกเรือทุกครั้ง แต่ปรากฎข้อเท็จจริงว่าเสื้อชูชีพมีไม่เพียงพอ และยังไม่มีการเตรียมการที่ดีพอในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย
3. เพราะเหตุใดจึงไม่มีการตรวจสภาพภูมิอากาศก่อนออกเรือ ทั้งที่เรือลำนี้มีสมรรถนะสูง มีการติดตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ในการรบ ดังนั้นระบบการตรวจสอบความพร้อมด้านสภาพอากาศก่อนออกเรือ จึงต้องมีเครื่องมือที่ทันสมัยเหมือนกับยุทโธปกรณ์ในเรือ หากพบว่าสภาพอากาศเลวร้ายอาจเป็นอันตราย เหตุใดจึงยังฝืนออกเรือ และเมื่อเรือเอียง เรือหลวงระดับนี้ต้องมีระบบขับน้ำออกจากเรือ แต่เหตุใดเมื่อเรือเอียงแล้วค่อยๆ จมลงไปโดยง่าย จนเกิดความเสียหายในชีวิตของลูกเรือขึ้น
4. การรับมือกับสภาวะวิกฤติของกองทัพเรือ เมื่อเรือเริ่มจม และพบว่ามีลูกเรือลอยคอกลางทะเล บางคนมีเสื้อชูชีพ บางคนไม่มี เหตุใดจึงไม่เตรียมเสื้อชูชีพและอุปกรณ์ช่วยชีวิตให้เพียงพอ แต่กลับรอเรือขนาดใหญ่มาช่วยเหลือ ซึ่งต้องใช้เวลานาน ทำให้การช่วยเหลือเป็นอย่างไม่ทันท่วงที รวมทั้งการสื่อสารของกองทัพเรือที่ไม่สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้พ่อ แม่ หรือญาติพี่น้องของลูกเรือได้รับทราบข้อเท็จจริงอย่างทันท่วงที
นายประเสริฐ กล่าวว่า ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการทหาร ได้นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการแล้ว จึงเตรียมเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาในฐานะรมว.กลาโหม และพล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เข้ามาชี้แจงต่อ กมธ.ภายในสัปดาห์หน้า