นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่างถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ประกาศท่าทีทางการเมืองชัดเจนแล้วในการร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติว่า แม้ไม่ได้ประกาศ ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าใจได้อยู่แล้ว แต่ที่ประกาศออกมา ก็เพราะไม่ให้ต้องการให้เกิดความคลุมเครืออีกต่อไป
โดยนายวิษณุ ยังกล่าวติดตลกด้วยว่า "แสดงว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ ดูดนายกฯ ได้แล้ว"
สำหรับการวางตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด สมัยก่อนนายกรัฐมนตรีก็สังกัดพรรคการเมือง ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฏเกณฑ์ที่กฏหมายและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศไว้ คือ ต้องมีการวางตัวเป็นกลาง ส่วนการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีนั้น ก็ต้องระวังตัวเอง
"วันนี้ ชัดเจนแล้วว่าจะอยู่พรรคใด ก็ให้ระวัง 2 เรื่องเหมือนที่ผมเคยบอก คือ 1.ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐ 2.ไม่ใช้เวลาของทางราชการ" นายวิษณุ กล่าว
พร้อมระบุว่า ในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็สามารถสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้ ไม่มีอะไรขัดข้อง และที่จริงแล้วเรากลับอยากเห็นนายกรัฐมนตรีเป็น ส.ส.ใช่หรือไม่ ซึ่งคนจะเป็น ส.ส.ก็ต้องสมาชิกพรรคการเมืองอยู่ดี
นายวิษณุ ยังกล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า สามารถทำได้ เพราะเป็นการอภิปรายโดยไม่ลงมติ ส่วนจะถูกมองว่าเป็นการตีกินหรือไม่ เพราะเป็นช่วงปลายรัฐบาล และองค์ประชุมเหลือไม่กี่คนนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า สามารถเปิดอภิปรายได้ เพียงแต่ต้องทำให้องค์ประชุมครบ ถ้าองค์ประชุมไม่ครบ ก็ไม่สามารถอภิปรายได้
ส่วนจะเป็นการเปิดช่องให้มีผู้จงใจไม่เข้าร่วมประชุมสภาฯ เพื่อต้องการให้องค์ประชุมไม่ครบนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ที่ผ่านมา การอภิปรายกฏหมายในสภาฯ ก็มีองค์ประชุมไม่ครบ ซึ่งการเปิดอภิปรายทั่วไป ก็สามารถใช้วิธีการเดียวกันได้ ซึ่งองค์ประชุมไม่ครบเกิดได้ 2 กรณี คือ 1.ทางกายภาพ สมาชิกไม่อยู่เดินทางไปต่างประเทศ หรือป่วย 2.ใช้กลไกเทคนิคทางสภา เช่น การวอล์คเอาท์ออกจากที่ประชุม เป็นต้น