นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า ภูมิใจไทยเป็นพรรคการเมืองที่ไม่ค่อยมีกระแสวูบวาบให้ตื่นเต้น แต่จากการสัมผัสโพลในชีวิตจริงที่ได้พบปะกับประชาชน ทั้งเวลาลงพื้นที่ และตามถนนหนทาง ร้านก๋วยเตี๋ยวที่ชอบไปแวะกิน พบว่ามีคนแสดงออกอย่างเป็นมิตร และดีใจที่ได้เจอมากขึ้น
"มีคนแสดงออกอย่างเป็นมิตร และดีใจที่ได้เจอเรามากขึ้น มีคนมาขอถ่ายรูป มาขอบคุณ อวยพรฝากฝังชาติบ้านเมืองกับเรามากขึ้น สิ่งเหล่านี้แต่ก่อนไม่มี แล้วมามีมากในช่วงครึ่งปีหลังมานี้ เราก็เก็บมาเป็นกำลังใจในการทำงาน" นายอนุทิน กล่าว
สำหรับเรื่องนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า โชคดีที่พรรคภูมิใจไทยไม่มีปัญหาความขัดแย้งภายใน มีความชัดเจนในตัวผู้นำที่จะเป็นแคนดิเดทนายก และเอกภาพภายในพรรคสูงมาก จึงมีความพร้อมในการทำนโยบายเร็ว และสื่อสารออกมาเป็นแพคเกจได้ทันทีที่มีความชัดเจนเกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้ง โดยนโยบายหลักๆ ที่ถือเป็นเรือธงของพรรค ได้แก่ นโยบายพักหนี้ "เกษตรร่ำรวย" "กรีนดี อยู่ดี" และ "ทำด้ามขวานไทยเป็นด้ามขวานทอง" ด้วยโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งล้วนแต่มีความเป็นรูปธรรมจับต้องได้และสื่อสารง่าย
"พรรคเรา ได้ชื่อว่าเป็นพรรคปฏิบัติการ เราจึงทำทุกอย่าง โดยเน้นความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ อะไรที่พูดแล้วสวยหรู แต่ทำไม่ได้ เราไม่พูด พรรคเราต้องพูดแล้วทำ แต่ก่อนจะพูดแล้วทำได้ เราต้องประเมินว่ามีอะไรที่พอจะเป็นไปได้บ้าง แล้วผลักดันตรงนั้น" นายอนุทิน กล่าว
สำหรับนโยบายเกษตรร่ำรวย (Contract Farming) ที่จะเป็นทางเลือกให้ประชาชน มีหลักการคือจะต้องมีพันธะร่วมกันระหว่างรัฐกับเกษตรกร โดยเกษตรกรจะรู้ราคาพืชผลล่วงหน้า แต่หากมีความเสียหายจากความเสี่ยงใดๆ ที่เกิดขึ้นได้ในการทำไร่ทำนา รัฐก็รับภาระตรงนั้นให้
"เราต้องอย่าลืมว่าเกษตรกรรมสำหรับประเทศ ถือเป็นความมั่นคงทางอาหารด้วย เราจะปล่อยพี่น้องชาวไร่ชาวนาไปตามยถากรรมกับความไม่แน่นอนของฟ้าฝนไม่ได้ ถ้าวันหนึ่งเขาเลิกทำไร่ ไถนา คนไทยจะขาดความมั่นคงทางอาหาร ต้องไปพึ่งพาต่างชาติ ในภาวะที่มีความไม่ราบรื่นระหว่างประเทศ หรือในยามสงคราม เราก็จะลำบาก ดังนั้นต้องมีการสนับสนุน แต่วิธีไหนเคยทำมาในอดีตแล้วมีปัญหา เราก็ไม่ทำ พรรคภูมิใจไทยก็เลือกวิธีใหม่ที่ถูกพิสูจน์แล้วว่าทำได้ ภาคเอกชนเขาก็ทำกัน" นายอนุทิน กล่าว
หัวหน้าพรรค ภท. กล่าวว่า แม้นโยบายทั้งหมดจะเป็นไปเพื่อปากท้องของประชาชนเป็นหลัก แต่ก็มีความเชื่อมโยงกับเรื่องที่เป็นวาระระดับนานาชาติด้วย เช่น นโยบาย "กรีนดี อยู่ดี" ซึ่งคำว่า กรีน (GREEN) มาจากภาษาอังกฤษที่แปลว่าสีเขียว หมายถึงสิ่งแวดล้อม เราก็มีนโยบายในการช่วยลดมลภาวะและการใช้พลังงาน เช่น สนับสนุนการติดแผงโซล่าเซล เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ ลดค่าไฟได้เดือนละ 450 บาท มีเหลือขายให้รัฐได้
นอกจากนี้ พรรคภูมิใจไทยยังสนับสนุนการใช้รถไฟฟ้า โดยเริ่มจากมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ที่จะขายในราคาถูกและผ่อนจ่ายรายเดือนได้เพียงเดือนละหนึ่งร้อยบาท และการปลูกต้นไม้แลกกับเงินจากคาร์บอนเครดิต ซึ่งจะตอบโจทย์ทั้งในการยกระดับคุณภาพชีวิตและประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาอย่างยั่งยืน
"ทุกนโยบายของเรา มุ่งไปตอบโจทย์เรื่องเดียวกัน คือปากท้องของพี่น้องประชาชน ด้วยวิธีลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ หลักคิดง่ายๆ แค่นี้ เพื่อให้คนไทยมีเงินเหลือในกระเป๋า ไม่ใช่ต้องชักหน้าไม่ถึงหลังกันตลอดเวลา เมื่อมีเงินเหลือในกระเป๋าแล้ว เขาก็ไม่ต้องมีความกังวล สามารถไปพัฒนาศักยภาพและกิจการของตนเองได้ดีขึ้น เพิ่มความมั่งคั่งให้ครอบครัวได้ ส่วนรัฐก็จะไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในระดับชาติ เพื่อเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจอีกที" นายอนุทิน กล่าว
แม้แต่นโยบายทางการสาธารณสุข เช่น การฟอกไตฟรี ให้มีเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฟรีทุกจังหวัด ศูนย์ฟอกไตฟรีทุกอำเภอ ก็ล้วนแต่เป็นการลดภาระให้ประชาชน ทำให้ครอบครัวมีความเข้มแข็งพอจะไปทำมาหากินต่อได้
ส่วนวิสัยทัศน์ "ทำด้ามขวานไทย เป็นด้ามขวานทอง" ด้วยโครงการแลนด์บริดจ์ โดยมองว่าไทยซึ่งมีที่ตั้งอยู่กึ่งกลางอาเซียนนั้น ควรจะต้องมีระบบขนส่งที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเหมือน "หัวจ่าย" ที่สามารถกระจายสินค้าไปได้ทุกทิศ โดยไม่ต้องขุดคอคอดกระให้เป็นประเด็นเรื่องความมั่นคงกัน แต่ใช้สิ่งที่เรียกว่า "วันพอร์ต แลนด์บริดจ์" โดยเชื่อมฝั่งอันดามันกับฝั่งอ่าวไทย ซึ่งจะประหยัดเวลาขนส่งสินค้าได้ถึง 4 วัน จากที่เคยต้องแล่นเรืออ้อม ส่งผลให้สินค้าบางอย่างเสียหายได้
"เราต้องมองทุกอย่างเป็นองค์รวม อย่างที่ผ่านมา ผมในฐานะรองนายกฯ ได้ดูแลกระทรวงที่มีส่วนกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจถึง 3 กระทรวง คือ สาธารณสุข ท่องเที่ยว และคมนาคม เราเอาทุกอย่างมาเชื่อมกันหมด ทำอย่างไรให้ระบบสาธารณสุขเข้มแข็ง มีชื่อเสียงจนสร้างความมั่นใจกับนักท่องเที่ยวได้ ช่วงโควิดเราฉวยโอกาสในระหว่างที่มีการล็อคดาวน์ จัดการเดินหน้าโครงการต่างๆ เพื่อยกระดับระบบคมนาคมให้ดีขึ้น เราจึงเป็นประเทศที่มีความพร้อมมากที่สุดประเทศหนึ่งในทันทีที่ประกาศเปิดประเทศ และลดสถานะของโรคโควิด-19" นายอนุทิน กล่าว
หัวหน้าพรรค ภท. กล่าวว่า วิสัยทัศน์ในครั้งนี้ก็เช่นกัน ทุกนโยบายมีความเชื่อมโยงและไปบรรจบกันที่การยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย ด้วยการลดภาระรายจ่าย สร้างช่องทางในการเพิ่มรายได้ แล้วต่อยอดด้วยการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในระดับประเทศ
ส่วนการจับมือร่วมทำงานกับพรรคการเมืองอื่นนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า "อย่างที่เคยบอกไปแล้ว ราชสีห์ของหนู คือประชาชน หนูตัวนี้จะไปอยู่ตรงไหนก็ได้ ตราบใดที่เอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง"
สิ่งที่อยากเห็นในการเมืองไทยหลังเลือกตั้งรอบนี้คือ การสลายขั้ว ประเทศไทยจะได้เดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น ดังตัวอย่างจากพรรคภูมิใจไทย เมื่อไม่มีปัญหาความขัดแย้งภายใน ก็สามารถจะโฟกัสกับการขับเคลื่อนเพื่อผลักดันนโยบายต่างๆ ได้ หากไร้ซึ่งเอกภาพภายใน ก็คงไม่สามารถเป็นพรรคที่เติบโตมั่นคงมาได้อย่างทุกวันนี้