ขอคุมเกม! เสี่ยหนูลั่น พร้อมเป็นแกนนำรัฐบาลหน้า

ข่าวการเมือง Tuesday December 27, 2022 10:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีที่มีนักการเมืองย้ายเข้ามาเป็นสมาชิกจำนวนมากจนถูกมองว่าเป็นการดูดว่า ในอดีตอาจจะมีพรรคการเมืองที่มีทุนหนาและตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจเพื่อเป้าหมายบางอย่าง แต่พรรคภูมิใจไทยมีอายุ 10 กว่าปีแล้ว เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ เป็นพรรคที่ยืนหยัดในถนนการเมืองอย่างมั่นคง ทำงานเต็มที่ ค่อยๆ สร้างความมั่นใจให้ประชาชน และก้าวอย่างระมัดระวัง ส่วนคำว่า "ดูด" เป็นคำที่ใช้กันเพื่อสร้างความน่าสนใจในเวลาที่มีการย้ายพรรคก็ใช้คำว่าดูด

"ผมไม่เคยไปบอกว่าให้ใครมาอยู่กับเราแลกกับเงินทอง สิ่งที่เรามีคือผลงาน และนโยบายที่เราทำสำเร็จ นโยบายของเราไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย และทำได้จริง ถ้าชอบแบบนี้ ก็มาคุยกัน" นายอนุทิน กล่าว

หัวหน้าพรรค ภท. กล่าวว่า สมมติถ้าการเข้ามาในพรรคเราหมายถึงใช้เงินซื้อมา ถามว่าเราจะเอาเงินขนาดนั้นมาจากไหน แล้วถ้าทำ มันไม่มีทางเป็นความลับ ยิ่งกว่านั้น มันจะทำให้การจัดการองค์กรลำบากมาก เพราะสมาชิกพรรคจะนึกแต่เรื่องผลประโยชน์ จนพรรคดำเนินการไม่ได้

"เรื่องดูด ผมมองว่าเราดูดด้วยผลงาน มันเป็นพลวัตร ถ้าเราทำเรื่อยๆ มันจะเป็นกำลังขึ้นมา หากทำงาน หมุนไปเรื่อยๆ ในทางฟิสิกส์จะเกิดเป็นแรงดูด จึงขอให้หมุนไปแบบนี้ หมุนด้วยความเร่ง ความตั้งใจ ความจริงใจต่อประชาชน แรงดูดจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ยิ่งเราทำงาน แรงดูดจะยิ่งเพิ่มขึ้น" นายอนุทิน กล่าว

กรณีที่สื่อตั้งฉายา "ภูมิใจดูด พูดแล้วดอย" นั้น นายอนุทิน มองว่า เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าไม่แรงจะเป็นข่าวหรือไม่ ส่วนตัวมองเป็นสีสัน มั่นใจผู้สื่อข่าวไม่ได้จริงจังอะไร แต่ปฏิเสธที่จะให้คะแนนฉายาดังกล่าว โดยหัวเราะก่อนตอบว่า "ไม่ได้เรท"

ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ประกาศทำงานการเมืองร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นั้นไม่ได้เป็นกังวล เพราะต่างคนต่างแข่งขันกัน ต่างทำความดี ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน ซึ่งพรรคภูมิใจก็มีทิศทาง มียุทธศาสตร์ของพรรค อย่าไปมองว่าเป็นการห้ำหั่นกัน

"ท่านนายกฯ ก็เป็นนายกรัฐมนตรีเข้าปีที่ 8 แล้ว ถือเป็นนักการเมืองตั้งแต่ที่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว" นายอนุทิน กล่าว

สำหรับการเปิดตัวบิ๊กเนมที่จะเข้ามาร่วมงานกับพรรค ภท.นั้นคงเป็นไปตามขั้นตอน ไม่ได้ปิดกั้นอะไร พรรคพร้อมเสมอสำหรับผู้ที่จะมาร่วมงานกับพรรค ด้วยนโยบาย ประสบการณ์ และความสำเร็จของพรรค เราเปิดกว้างไม่ได้ปิดประตูใส่ใครแม้แต่คนเดียว

ส่วนที่หลายพรรคมีความเคลื่อนไหวนั้น เพราะปีหน้าจะมีการเลือกตั้ง พรรคการเมืองที่ตั้งใจจะมาเป็นตัวแทนของประชาชนคงต้องทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องการนำนโยบายไปสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ทั้งการเตรียมตัวเลือกตั้ง และถือเป็นเรื่องใหญ่ ต้องทำแผ่นป้าย แผ่นพับ ต้องทำรูปแบบการปราศรัยแตกต่างกันไป บางพรรคปราศรัยใหญ่ บางพรรคปราศรัยย่อย บางพรรคใช้วิธีการเคาะประตู คิดว่าช่วงเวลา 4-5 เดือน ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง

หัวหน้าพรรค ภท.กล่าวว่า ทิศทางการเมืองในอนาคตนั้น ทุกอย่างต้องดูที่ผลการเลือกตั้ง เราคุยกันไว้ว่าจะจับมือกันเป็นขั้วนี้ แต่หากประชาชนเลือกมาแล้วคะแนนไม่พอจะทำอย่างไร จึงต้องย้ำว่า ประชาชนคือผู้ตัดสินวิถีทางและอนาคตของพรรคการเมือง หากประชาชนเลือกขั้วรัฐบาลปัจจุบันเกินกึ่งหนึ่งคงเดินหน้าต่อ แต่ต้องให้ผ่านพ้นหลังการเลือกตั้งไปก่อน หากถามพรรคภูมิใจไทยนั้น พรรคก็มีแนวทางอยู่แล้ว คือ ต้องการขยับเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ แต่การจะเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ได้ก็ต้องมีทิศทางเป็นของตัวเอง

"เราก็ต้องเป็นผู้กำหนดเกมบ้าง ไม่ใช่เป็นพรรคที่คอยไปดูว่าพรรคอื่นเขาทำอย่างไร และเราจะขอไปร่วมก็คงไม่ใช่ วันที่เปิดพรรคภูมิใจไทย พรรคก็มีความพร้อมให้เห็น มีสมาชิกมาสมัครมากมาย ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.ที่ลาออกมาร่วมงานกับพรรค เป็นทิศทางที่ทำให้เห็นว่า พรรคภูมิใจไทยพร้อมที่จะเป็นแกนนำ" นายอนุทิน กล่าว

หัวหน้าพรรค ภท. กล่าวว่า ในการเลือกตั้งรอบหน้ามีความพร้อมที่จะทำงานให้บ้านเมือง หากประชาชนพิจารณาแล้วว่าพรรคภูมิใจไทยทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้เขา เขาก็เลือกเรา ไม่มีอะไรซับซ้อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ