นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงผลงานของวุฒิสภาตลอดปี 65 รวมถึงการทำงานในฐานะประธานวุฒิสภาว่า ถือว่าทำได้ดี แต่อาจจะมีที่จะถูกวิจารณ์ คือ กฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งผ่านไปเพียงเรื่องระบบเลือกตั้ง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องพัฒนากันต่อไป
ประธานวุฒิสภา ยังกล่าวถึงข้อเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้ก็ใกล้จะหมดวาระของวุฒิสภาชุดปัจจุบันแล้ว เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอะไรในการโหวตนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ เห็นว่าคงไม่ต้องรีบปิดสวิตช์ ส.ว. เพราะด้วยระยะเวลาเหลืออีกเพียง 1 ปีเศษ ก็ถือว่าเป็นการปิดไปในตัว อย่างไรก็ดี ไม่สามารถพูดแทน ส.ว.คนอื่นได้ว่า จะเห็นชอบกับการแก้รัฐธรรมนูญเรื่องปิดสวิตช์ ส.ว. หรือไม่
ขณะที่ทิศทางการปฏิรูปประเทศ เพราะขณะนี้ใกล้ครบอายุ 5 ปี ของส.ว.แล้ว เนื่องจากมีการมองว่าส.ว.ไม่มีบทบาทเต็มที่เรื่องการปฏิรูป นายพรเพชร กล่าวว่า เรื่องนี้ พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เคร่งครัดมาก ในการที่จะให้เป็นไปตามแผนปฏิรูปประเทศที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และในกฎหมาย ซึ่งในส่วนของกฎหมาย ยังไม่เป็นที่พอใจ แต่ในส่วนที่ต้องดำเนินการโดยไม่ต้องใช้กฎหมาย ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่ยาก แต่ก็ได้มีการเชิญมาซักถามความคืบหน้า และเห็นว่ายังมีเวลาที่จะทำให้ประสบผลสำเร็จ แม้อาจจะไม่ 100% แต่ต้องได้ผลประโยชน์ตามที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้
"เรื่องนี้ วุฒิสภาให้ความสำคัญมาก และเท่าที่ดู สมาชิกวุฒิสภาบางส่วนมาจากสภาปฏิรูปประเทศ (สปท.) เขาก็เข้มแข็งและพยายามที่จะดูสิ่งเหล่านี้ และคิดว่าก็คงต้องดำเนินการต่อไป ถึงแม้จะเป็นช่วงปิดสมัยประชุม และรอรัฐบาลชุดใหม่มา ผมก็บอกกับสมาชิกว่าเราต้องทำงานต่อ แม้ว่างานด้านนิติบัญญัติจะยังทำไม่ได้ เพราะสภายังไม่มี แต่หากมีเรื่องที่สำคัญจริงๆ ก็สามารถให้มีการเปิดสภาได้ในบางขั้นตอน" นายพรเพชร กล่าว
ส่วนแนวทางการทำงานของส.ว.ในปี 2566 ก่อนที่จะหมดวาระ ว่า ก่อนครบ 5 ปี การทำงานของ ส.ว. ที่ยังเหลืออีกปีเศษนั้น ซึ่งแจ้งกับสมาชิกแล้วว่าคงจะมีการเปลี่ยนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ใหม่ทั้ง 500 คนใหม่ และต้องทำงานร่วมกับส.ส.ใหม่ทั้ง 500 คน และพรรคการเมือง ซึ่งแม้ยังไม่รู้ว่าพรรคใดจะได้คะแนนเสียงมาก และประธานรัฐสภาจะมาจากพรรคการเมืองใด แต่วุฒิสภาพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ
เมื่อถามถึง การปฏิรูปประเทศที่วุฒิสภาต้องดำเนินการ แต่ถูกวิจารณ์ว่ายังไม่ไปถึงไหนนั้น นายพรเพชร กล่าวว่า ต้องยอมรับว่ากฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ มีบางฉบับได้ผ่านไปบ้างแล้ว เช่น การปฏิรูปด้านตำรวจ แต่อาจยังไม่เป็นที่พอใจ, กฎหมายทำแท้ง และกฎหมายเกี่ยวกับการซ้อมทรมาน เป็นต้น